นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการคนละครึ่ง พลัส (โครงการฯ) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่จะสร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยคณะรัฐมนตรีเห็นว่า เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ที่คาดว่าจะมีการขยายตัวระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ต่ำกว่าประเทศในภูมิภาค และต่ำกว่าศักยภาพ (Potential Growth) โดยมีปัจจัยสำคัญจากกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงเปราะบาง ภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง ท่ามกลางความเสี่ยงทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 2568 ที่อาจชะลอตัวอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เพื่อเป็นหลักประกันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการฯ เพื่อเพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ จำนวนไม่เกิน 44,000 ล้านบาท โดยจะใช้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ จำนวนไม่เกิน 25,000 ล้านบาท และจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนไม่เกิน 19,000 ล้านบาท สำหรับกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 20 ล้านคน โดยมีรายละเอียดโครงการฯ ดังนี้
1. ระยะเวลาโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.1 เปิดรับลงทะเบียนร้านค้าตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 หรือระยะเวลา ตามที่กระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำหนด ผ่าน www.คนละครึ่งพลัส.com
1.2 เปิดรับลงทะเบียนประชาชนตั้งแต่วันที่ 20-26 ตุลาคม 2568 (เวลา 06.00 – 22.00 น.) ผ่าน
แอปพลิเคชัน เป๋าตัง
1.3 ประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์สามารถใช้สิทธิ์โครงการฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 (เวลา 06.00 – 23.00 น.) โดยสามารถซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้า และบริการที่กำหนดจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง สำหรับการซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 (เวลา 06.00 – 21.00 น.)
2. กลุ่มเป้าหมาย
2.1 ประชาชนผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีเงินได้กรณีทั่วไป (ภ.ง.ด. 90)
แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีเงินได้จากการจ้างแรงงานตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากรประเภทเดียว (ภ.ง.ด. 91) หรือแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ได้รับสิทธิ์ลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 95) ของปีภาษี 2567 ตามฐานข้อมูลของกรมสรรพากร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 รวม 11 ล้านคน
2.2 ประชาชนทั่วไปและกลุ่มผู้ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี รวม 9 ล้านคน
ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายทั้ง 2 กลุ่ม จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1) เป็นผู้มีสัญชาติไทย 2) มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน 3) มีบัตรประจำตัวประชาชน 4) ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูลของกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2568 และ 5) ไม่เป็นผู้ที่ถูกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระงับสิทธิ์หรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 1 – 5
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติเพิ่มวงเงินให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2568 ซึ่งจะมีผู้ได้รับสิทธิ์จำนวน 13.4 ล้านคน วงเงิน 22,780 ล้านบาท ที่จัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับวงเงินเพิ่มอีกจำนวน 850 บาทต่อคนต่อเดือนจากเดิมที่ได้เดือนละ 300 บาท รวม 2 เดือนเพิ่มเป็นจำนวน 1,700 บาท ใช้จ่ายได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568
3. การใช้จ่าย
ภาครัฐสนับสนุนเงินร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้า และบริการที่กำหนด ให้แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 20 ล้านคน ในอัตราร้อยละ 50 ทั้งนี้ ไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน แต่ไม่เกินจำนวนวงเงินสิทธิ์ที่กำหนด โดยประชาชนผู้ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 ภ.ง.ด. 91 หรือ ภ.ง.ด. 95 ในปีภาษี 2567 จะได้รับวงเงินสิทธิ์ไม่เกิน 2,400 บาทต่อคน ประชาชนทั่วไปและและกลุ่มผู้ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี จะได้รับวงเงินสิทธิ์ไม่เกิน 2,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาใช้จ่ายของโครงการฯ ซึ่งประชาชนกลุ่มเป้าหมายสามารถใช้สิทธิ์ในโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้า และบริการที่กำหนดจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ หรือซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ โดยร้านค้ารับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ซึ่งกระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงินในส่วนที่ภาครัฐร่วมจ่ายให้แก่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ภายในระยะเวลาที่กำหนดต่อไป ทั้งนี้ประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์จะต้องใช้จ่ายครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ไม่เกิน 23.00 น. เพื่อไม่ให้สิทธิ์ถูกยกเลิก
นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่า โครงการฯ ได้กำหนดวงเงินสิทธิ์ของผู้ที่ยื่นแบบภาษีมากกว่าประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น ประกอบกับการดำเนินโครงการฯในระยะต่อไปภาครัฐอาจมีการกำหนดเงื่อนไขให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ มีการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) ในด้านความรู้ทางด้านการเงิน (Financial Literacy) หรือความรู้ทางด้านดิจิทัล (Digital Literacy) ผ่านแพลตฟอร์มหรือช่องทางที่กำหนด เพื่อให้สร้างทักษะในด้านต่างๆ เช่น การประยุกต์ใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ในการบริหารจัดการต้นทุนของร้านค้า เป็นต้น ซึ่งร้านค้าที่พัฒนาสำเร็จอาจจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อเป็นแรงจูงใจสำหรับการเข้าร่วมโครงการฯ ในอนาคต โดยการดำเนินโครงการฯ จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพในชีวิตประจำวันให้แก่ประชาชนเพื่อให้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ตลอดจนเพิ่มการบริโภคที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศในช่วงปลายปี 2568 ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการดำเนินโครงการฯ จะทำให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวนประมาณ 88,000 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.21 – 0.22 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดค่าครองชีพให้ประชาชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและทั่วถึง และที่สำคัญคือ มุ่งหวังให้เศรษฐกิจไทยกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
โครงการ “คนละครึ่งพลัส” แตกต่างจากโครงการคนละครึ่งเดิม แบ่งเป็น 5 พลัส ประกอบด้วย
พลัสที่ 1 เพิ่มช่วงอายุ ขยายอายุผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการจากเดิม 18 ปี เป็น 16 ปี
พลัสที่ 2 เพิ่มวงเงินใช้จ่าย จากเดิมรัฐบาลเติมเงินในวงเงิน 150 บาทต่อวัน เป็น 200 บาทต่อวัน
พลัสที่ 3 เพิ่มสิทธิพิเศษ โดยเพิ่มสิทธิ์ สร้างแรงจูงใจ ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีที่ได้ 2,400 บาท
พลัสที่ 4 เพิ่มโอกาส ให้โอกาส คนตัวเล็ก ร้านค้า Micro SMEs (ร้านค้านิติบุคคลขนาดเล็กที่มีรายได้
ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี) เข้าร่วมโครงการได้
พลัสที่ 5 เพิ่มทักษะ ส่งเสริมให้ร้านค้าพัฒนาทักษะ ในการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) ในระยะต่อไป
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรียังได้มีมติเห็นชอบในหลักการการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับสิทธิ์ตามโครงการฯ ที่ประชาชนได้รับ และสำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยยืนยันว่า ข้อมูลโครงการฯ ไม่ได้เชื่อมต่อระบบกับกรมสรรพากรเพื่อตรวจสอบรายได้แต่อย่างใด โดยผู้ประกอบการไม่ว่าจะเข้าร่วมโครงการฯ หรือไม่ก็ตาม เมื่อมีเงินได้พึงประเมินถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดหรือมีรายได้ ย่อมต้องมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล แล้วแต่กรณี และหากคำนวณภาษีแล้วมีเงินได้สุทธิหรือกำไรสุทธิไม่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี ผู้ประกอบการก็จะไม่มีภาระภาษีที่จะต้องชำระแต่อย่างใด
สำหรับขั้นตอนการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการของร้านค้า กรณีร้านค้าที่เคยเข้าร่วมโครงการ ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ประกอบด้วย ร้านค้าถุงเงินที่เคยได้รับสิทธิ์โครงการคนละครึ่งเฟส 5 ร้านค้าธงฟ้า ของบุคคลธรรมดา วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และร้านค้าโครงการกรุงเทพแผงลอย โดยเข้าไปที่เมนูคนละครึ่งพลัส กดยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข
ส่วนร้านค้าใหม่ แบ่งเป็นประเภทร้านค้าบุคคลธรรมดา
– ร้านอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป
– ร้านค้า/บริการ ของวิสาหกิจชุมชน
– ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ เช่น แท็กซี่มิเตอร์ รถตู้โดยสารสาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะ
– ร้านทำผม ทำเล็บ
ประเภทร้านค้านิติบุคคล หรือธุรกิจเฉพาะ
– ผู้ประกอบการขนส่งต้องมีใบอนุญาตขนส่งสาธารณะ เช่น แท็กซี่มิเตอร์ รถตู้โดยสารสาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะ เป็นต้น
– ร้านให้บริการนวด สปา ร้านค้านิติบุคคลขนาดเล็ก มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี (ยื่น ภ.ง.ด. 50 รอบบัญชี 67 ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 68)
– ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (ของ สทบ.)
สมัครเข้าร่วมโครงการ ณ จุดบริการภาครัฐ โดยจะต้องมีบัญชีธนาคารกรุงไทย สมัครร้านค้าถุงเงิน ผ่าน www.ถุงเงินกรุงไทย.com สมัครเข้าร่วมโครงการ เริ่มวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ดาวน์โหลดใบสมัครที่
www.คนละครึ่งพลัส.com กรอกใบสมัคร และเตรียมบัตรประจำตัวประชาชน และรูปถ่ายร้านค้าพร้อมรูปเจ้าของร้าน ยื่นใบสมัคร ณ จุดบริการ หรือธนาคารกรุงไทย หากได้รับการอนุมัติเข้าร่วมโครงการ จะแสดงเมนูคนละครึ่งพลัส บนแอปฯ ถุงเงิน
ส่วนประชาชนที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 5 มาก่อน
- เข้าแอปฯ เป๋าตัง เลือก แบนเนอร์โครงการคนละครึ่งพลัส
- อ่านรายละเอียดเงื่อนไขโครงการจากนั้นกดปุ่ม ลงทะเบียน
- แสดงข้อความการได้รับสิทธิ์และวันที่เริ่มใช้สิทธิ์โครงการได้ กดปุ่ม ตกลง
- เข้าแอปฯ เป๋าตัง เลือก แบนเนอร์โครงการคนละครึ่งพลัส
- หน้าหลักโครงการแสดงสิทธิ์คนละครึ่งพลัส ที่ใช้ได้ สามารถใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่งพลัส
ผู้ไม่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 5 มาก่อน ต้องติดตั้งแอปฯ เป๋าตัง ได้ทั้งระบบ iOS และ Android ยืนยันตัวตน G-Wallet จากนั้นจึงจะสามารถลงทะเบียน
- เข้าแอปฯ เป๋าตัง เลือก แบนเนอร์โครงการคนละครึ่งพลัส
- อ่านรายละเอียดเงื่อนไขโครงการ จากนั้นกดปุ่ม ลงทะเบียน
- ตรวจสอบคุณสมบัติสามารถดูผลได้ที่ SMS และการแจ้งเตือน บนแอปฯ เป๋าตัง ภายใน 3 วัน
- ได้รับข้อความแจ้งเตือนผ่านแอปฯ เป๋าตัง (กรณีได้รับสิทธิ)
- แสดงข้อความการได้รับสิทธิและวันที่เริ่มใช้สิทธิโครงการได้กดปุ่ม ตกลง
- เข้าแอปฯ เป๋าตัง เลือกแบนเนอร์โครงการคนละครึ่งพลัส
- หน้าหลักโครงการ แสดงสิทธิ คนละครึ่งพลัส ที่ใช้ได้ สามารถใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส