นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถา ในงานสัมมนา “Thailand Economic Outlook 2026 Out of the Trap ว่า ประเทศไทยติดกับดัก 4 ด้าน ที่ฉุดรั้งให้เศรษฐกิจไทยโตต่ำมาเป็นระยะเวลานาน 1 . กับดักการลงทุนต่ำที่ระดับ 20% และไม่มีการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ 2. กับดักด้านคนตามการเข้าสู่สังคมสูงวัยและมีสัดส่วนการเกิดใหม่น้อย 3. กับดักเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด และ 4. กับดักหนี้ 3 ขา ทั้งนี้ครัวเรือน หนี้เอสเอ็มอีและหนี้ภาครัฐ
รัฐบาลจึงต้องออกแบบนโยบายในช่วง 4 เดือนที่เน้นผลระยะยาวและเกิดการกระจายตัว เพื่อให้ประเทศไทยพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง โดยเน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ที่ตลาดโลกต้องการ ทั้งด้านเอไอ ดาต้าเซ็นเตอร์ อีวี และกรีน โดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI จะเข้ามาเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงพยายามปลดล็อคกฎกติกาต่างๆ ให้เอื้อต่อการลงทุน ผ่านโครงการ Fast Pass ช่วยให้เกิดการลงทุนเร็วขึ้น เน้นการอบรมพัฒนาทักษะรีสกิลและอัพสเกลเพิ่มทักษะในอุตสาหกรรมใหม่ โดย BOI มีกองทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาทักษะให้ตรงตามความต้องการของตลาด
นอกจากนี้ จะให้เงินสนับสนุนผ่าน BOI เพื่อทำวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยี รวมถึงกระทรวงการคลังจะหาแหล่งเงินเข้ามาสนับสนุนสมทบ เป็นเงินให้เปล่า (Grant) ซึ่งจะต้องผ่านการตรวจสอบจาก BOI ว่าเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่จริงๆ โดยเงินให้เปล่าที่ให้แก่กลุ่มเอสเอ็มอี จะสมทบวงเงิน 20 ล้านบาท ส่วนรายกลางจะสมทบ 50 ล้านบาท โดยเบื้องต้นเม็ดเงินสนับสนุนจะมาจากแบงก์รัฐก่อนในช่วงที่รอ BOI อนุมัติการลงทุน
และสุดท้ายการแก้หนี้ โดยได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศ หรือ ธปท. และสมาคมธนาคารไทย เพื่อช่วยประชาชน โดยการดึงหนี้ออกจากระบบเข้าสู่บริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือ AMC ซึ่งเบื้องต้นอาจก่อตั้งไม่ทันในระยะเวลา 4 เดือน แต่ใช้กลไกลของบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM แทน รวมถึงจะรวบหนี้เข้าไว้ในเดียว เพื่อปรับโครงสร้างและยืดระยะเวลาหนี้ ทั้งนี้ จะต้องเป็นลูกหนี้คุณภาพดี เพื่อไม่ให้เกิด Moral Hazard
ส่วนหนี้ภาครัฐจะทำกรอบวินัยทางการคลังระยะปานกลางให้ชัดเจน ผ่านกรอบความยั่งยืนทางการคลัง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2568 นี้ ส่วนในด้านที่ต้องเร่งแก้ไขนั้นมีทั้ง การปรับลดค่าหย่อนภาษี ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีกรอบที่ชัดเจน การยกเว้นภาษีในอดีต การนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในระบบภาษี ซึ่งจะช่วยทำให้ฐานภาษีไทยเติบโตเพิ่มขึ้น เบื้องต้นกระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างการศึกษาว่าเพดานที่หักลดหย่อนต่อปีที่เหมาะสมเป็นเท่าไร เพื่อให้ประชาชนมีอิสระในการเลือกลงทุนในการลดหย่อนภาษีมากยิ่งขึ้น
เบื้องต้นจะกำหนดเป็นเพดานสูงสุดว่า ปีหนึ่งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล จะสามารถหักลดหย่อนภาษีได้เท่าไร และให้บุคคลธรรม ไปวางแผนว่าจะใช้สิทธิหักลดหย่อนอะไรบ้าง แต่ต้องไม่เกินกำหนดเพดานที่กระทรวงการคลังกำหนด