โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 เพื่อสร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน ให้ประชาชนได้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยนายอนุทิน ย้ำว่าโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” จะเป็นการเร่งวางรากฐานเศรษฐกิจให้มั่นคงและกระจายรายได้สู่ประชาชน โดยเฉพาะช่วงปลายปีนี้ โดยประชาชนสามารถนำไปใช้จ่ายได้ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ทั่วไป รวมถึงบริการขนส่งสาธารณะและบริการรายวันต่างๆ ขณะเดียวกันยังเปิดโอกาสให้ร้านค้าขนาดเล็ก วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการได้อย่างทั่วถึง เป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยให้เข้มแข็งขึ้น
สำหรับร้านค้าและผู้ประกอบการรายย่อย โครงการครั้งนี้ได้เพิ่มกลุ่มร้านค้านิติบุคคล Micro SMEs (ร้านค้านิติบุคคลขนาดเล็กที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี) ให้เข้าร่วมโครงการได้ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม – 19 ธันวาคม 2568 ผ่าน www.คนละครึ่งพลัส.com ส่วนประชาชนทั่วไป ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 20 – 26 ตุลาคม 2568 (เวลา 06.00 – 22.00 น.) ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 (เวลา 06.00 – 23.00 น.) ผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ส่วนการใช้บริการ Food Delivery เริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568 (เวลา 06.00 – 21.00 น.)
ส่วนข้อกังวลของร้านค้าและผู้ประกอบการที่กลัวว่าอาจถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลังจากกรมสรรพากรนั้นนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เงื่อนไขที่รัฐบาลตกลงร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ คือ การรักษาความลับของข้อมูลผู้ประกอบการและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการอย่างเคร่งครัด ยืนยันว่า ข้อมูลต่าง ๆ ที่ใช้ในโครงการดังกล่าวจะถือเป็นข้อมูลลับ จะไม่มีการเปิดเผยไปยังบุคคลภายนอก และที่สำคัญคือ จะไม่มีการส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ให้กับกรมสรรพากร
สำหรับข้อกังวลในกลุ่มที่อาจจะมีปัญหาในการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ในวันที่ 20 ตุลาคม 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า จะมีการเปิดให้ลงทะเบียนรอบใหม่ใน “เฟส 2” ของโครงการคนละครึ่ง พลัส เพื่อรองรับผู้ที่ตกหล่นจากการลงทะเบียนรอบแรก โดยจะประกาศวันและขั้นตอนที่ชัดเจนอีกครั้งหลังจบเฟสแรก ส่วนการเติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีคำถามว่า ผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนมาก่อนจะทำอย่างไร ซึ่งรัฐบาลกำลังทบทวนเพื่อเปิดให้มีการลงทะเบียนเพิ่มเติมรอบใหม่ เพื่อให้คนกลุ่มนี้สามารถเข้ารับสิทธิ์ได้โดยไม่ตกหล่น
ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง โดยรัฐบาลไม่อยากให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ทุกคนต้องสามารถเข้าถึงสิทธิ์ตามนโยบายได้จริง เพื่อให้เงินช่วยเหลือหมุนเวียนถึงมือประชาชน
ทั้งนี้ โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอป “เป๋าตัง” ระหว่างวันที่ 20–26 ตุลาคม 2568 โดยผู้มีสิทธิ์ต้องเป็นคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป และไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน จะได้รับสิทธิ์ร่วมจ่ายกับรัฐ 50% ไม่เกิน 200 บาทต่อวัน เริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 โดยกลุ่มผู้ที่อยู่ในระบบภาษี 11 ล้านคน จะได้รับวงเงินคนละ 2,400 บาท และกลุ่มผู้ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี หรือประชาชนทั่วไป 9 ล้านคน ได้รับวงเงินคนละ 2,000 บาท
สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 13.4 ล้านคน ยังคงได้รับเงินช่วยเหลือตามปกติ พร้อมเพิ่มวงเงินอีกเดือนละ 850 บาท ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 รวมเป็นเงินช่วยเหลือเดือนละ 1,150 บาท
เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพช่วงปลายปี
รัฐบาลเชื่อมั่นว่าการดำเนินโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” จะทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวนประมาณ 88,000 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.21 – 0.22 ขณะที่การเติมเงินให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะส่งผลให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศโดยรวม คาดว่าจะส่งผลให้ GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 0.07-0.08% ต่อปี เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีโครงการ