นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายแสดงความเห็นต่อร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า บนโลกนี้มีเพียง 5 ประเทศเท่านั้นที่มีรัฐธรรมนูญเกิน 20 ฉบับ และทุกประเทศนั้นไม่มีประเทศที่พัฒนาแล้วเลย ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย สาเหตุที่ต้องมีรัฐธรรมนูญหลายฉบับขนาดนี้ เพราะอำนาจรัฐไม่เคยเห็นหัวประชาชน และประชาชนก็ไม่เคยมีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง
“ทุกครั้งที่เสียงส่วนใหญ่ของประเทศเริ่มดังขึ้น จะมีเสียงข้างน้อยที่ครองอำนาจหาทางฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วเขียนใหม่ด้วยมือพวกพ้องของตนเอง รัฐธรรมนูญจึงเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจเท่านั้น”
สำหรับรัฐธรรมนูญ ปี 2540 เป็นครั้งแรกที่มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. แม้ประชาชนจะไม่ได้เลือก สสร. โดยตรง แต่ด้วยการรณรงค์อย่างกว้างขวาง ก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่า นี่คือรัฐธรรมนูญของตัวเอง แม้จะมีข้อบกพร่อง แต่ก็เป็นก้าวแรกของประชาธิปไตยไทย ขณะที่รัฐธรรมนูญปี 2560 ผ่านการทำประชามติ แต่ถูกควบคุมโดยคณะรัฐประหาร เป็นการทำประชามติภายใต้บรรยากาศของความกลัว
นายนรเศรษฐ์ บอกต่อไปว่า ถึงอย่างนั้น ต้นกล้าแห่งประชาธิปไตยก็ยังไม่ตาย ประชาชนลงถนนเรียกร้องให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2563 แม้ถูกทำให้เชื่อว่ารัฐธรรมนูญคือเรื่องของผู้เชี่ยวชาญ แต่ความจริงคือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของประชาชนทั้งประเทศ ดังนั้น กระบวนการการร่างรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่สมาชิกรัฐสภาต้องคิดร่วมกันว่า จะทำอย่างไรให้เป็นกระบวนการที่แก้ได้จริง ไม่ใช่เพียงพิธีกรรมทางการเมือง
“เราต้องทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นฉบับที่เห็นหัวประชาชน เปิดพื้นที่ให้คนทุกกลุ่ม ทั้งคนรุ่นใหม่ ชนชั้นแรงงาน เกษตรกร หรือคนชายขอบ ส่งเสียงในกติกาที่กำหนดชีวิตของพวกเขาได้”
นายนรเศรษฐ์ ทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าจะเห็นแตกต่างกันในรายละเอียด หรือมีความแตกต่างทางจุดยืนอุดมการณ์ แต่ขอเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาโหวตเห็นชอบรับหลักการให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ร่าง เพื่อเปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสปรับปรุงและกลั่นกรองอนาคตของประเทศไปด้วยกัน