(14 ต.ค. 68) นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Digital Government Summit 2025 ที่จัดโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (Digital Government Development Agency (Public Organization) : DGA) ระหว่างวันที่ 14 – 15 ตุลาคม 2568 ที่ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์เพื่อประกาศนโยบายขับเคลื่อนประเทศไทยสู่รัฐบาลดิจิทัล ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งในด้าน การบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมาย ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 พร้อมทั้งได้นำเสนอผลงานเกี่ยวกับบริการด้านรัฐบาลดิจิทัลจากภาคราชการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Leading Thailand to the Top in GovTech ซึ่งเป็นงานสัมมนาที่จะพาประเทศไทยก้าวสู่จุดสูงสุดบนเวที GovTech ระดับโลก
นายภราดร ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ Empowering the Nation through Digital Government ระบุว่า รัฐบาลดิจิทัลคือการออกแบบอนาคตของประเทศไทย ที่มีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน มีหลักการสำคัญคือ ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยการออกแบบบริการภาครัฐทั้งหมดจะต้องเริ่มต้นจากความต้องการของประชาชนเป็นหลัก เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ไม่ต้องใช้เอกสารซ้ำซ้อน และไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง พร้อมทั้งรัฐบาลกำลังยกระดับ Open Government เพื่อความโปร่งใสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูล ตรวจสอบการทำงานของรัฐ และมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและทลายกำแพงระหว่างรัฐกับประชาชน
ทั้งนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้านโยบายสำคัญ 3 เรื่องที่จะเปลี่ยนโฉมการบริการภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม คือ
1. พัฒนาแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ให้เป็น “ทางรัฐ Super App” ที่จะรวมทุกบริการของภาครัฐไว้ในที่เดียว สำหรับประชาชนและภาคธุรกิจ มีระบบ Biz Portal พร้อมเพิ่มการเข้าถึง และการบริการที่สำคัญอีกกว่า 2,000 บริการ เพื่อแก้ปัญหาการติดตั้งหลายแอปพลิเคชันและการยื่นสำเนาเอกสารซ้ำซ้อน พร้อมทั้งพัฒนาระบบ Digital ID เพื่อการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย
2. ให้ข้อมูลครั้งเดียวจบ ประชาชนจะไม่ต้องกรอกข้อมูลเดิมซ้ำ ๆ เมื่อติดต่อหน่วยงานรัฐ โดยทุกหน่วยงานจะเชื่อมโยงข้อมูลกันผ่านระบบ Government Data Exchange (GDX)
3. ยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วยนโยบาย Government Cloud เพื่อปกป้องข้อมูลของประชาชนให้ดีที่สุด ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงของชาติสำหรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบริหารจัดการวิกฤต รัฐบาลจะใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารจัดการภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และฝุ่น PM2.5 โดยกำลังพัฒนา “แพลตฟอร์มกลาง” ที่มีระบบครบวงจร ตั้งแต่การแจ้งเตือนภัย การลงทะเบียนอาสาสมัครการรับแจ้งความเดือดร้อน ไปจนถึงการโอนเงินช่วยเหลือเยียวยา ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกรวมไว้ใน “ทางรัฐ Super App” เช่นกัน
ปัจจุบันไทยมีอันดับดัชนีการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government Development Index : EGDI) ของสหประชาชาติดีขึ้น จากอันดับที่ 55 ในปี 2565 เป็นอันดับที่ 52 ในปี 2567 (จาก 193 ประเทศ) และเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนรองจากสิงคโปร์ รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้การประเมินครั้งถัดไปในปี 2569 ประเทศไทยจะมีพัฒนาก้าวกระโดด จนมีระบบที่ดีเทียบเท่าประเทศผู้นำอย่างเดนมาร์ก เอสโตเนีย และสิงคโปร์ งานนี้จึงเป็นการประกาศ “วิสัยทัศน์รัฐบาลดิจิทัล” ของประเทศไทย และเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนประเทศให้เป็นต้นแบบด้านบริการภาครัฐดิจิทัล โดยมองว่ารัฐบาลดิจิทัลไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นคำมั่นสัญญาว่าประชาชนจะได้รับการดูแลจากรัฐที่ดีขึ้นบนพื้นฐานของความโปร่งใส
ทางด้านนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ Driving Thailand’s Digital Economy & Society โดยเน้นย้ำถึงภารกิจสำคัญของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คือการสร้าง “เส้นเลือดใหญ่ของรัฐไทย” ผ่าน Government Cloud (โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่รัฐบาลจัดทำขึ้นเพื่อให้บริการแก่หน่วยงานภาครัฐ) และ Data Infrastructure (โครงสร้างพื้นฐานของข้อมูล) ที่เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐอย่างปลอดภัย โปร่งใส และต่อเนื่อง การยกระดับ Thailand CERT เป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านไซเบอร์ระดับชาติ โดยการพัฒนากรอบ Decentralized Security Framework เพื่อป้องกันการโจมตีจากจุดเดียวและเสริมความยั่งยืนของระบบความปลอดภัยภาครัฐ เดินหน้า Proactive Privacy Management (การจัดการความเป็นส่วนตัวเชิงรุก) ภายใต้ Personal Data Protection Act (PDPA) หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และพัฒนากรอบการกำกับดูแลข้อมูลระดับชาติให้เป็นระบบเดียวกัน (National Data Governance Framework) เป็นต้น โดยมุ่งสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนควบคู่กับเทคโนโลยี เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างปลอดภัย โปร่งใส และมั่นใจในอนาคตของคนไทย
ทุกคน เพราะ “รัฐบาลดิจิทัล” จะไม่ใช่แค่ระบบ แต่คือ “ความเชื่อมั่นใหม่ของชาติ”
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ยังมีการจัดแสดง Exhibition Zone และบูธบริการประชาชนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน บริเวณ ชั้น M อาทิ แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” บริการทำบัตรประจำตัวประชาชน จากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย บริการทำพาสปอร์ต ด้วยแอปฯ Thai Consular จากกรมการกงสุล บริการจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า บริการตรวจสอบเครดิตบูโรฟรี จากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด บริการทำใบขับขี่ จากกรมการขนส่งทางบก และบริการจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นต้น