ลงทะเบียนร้านค้า “คนละครึ่ง พลัส” ผ่านแอปฯ ถุงเงิน ได้ถึง 19 ธ.ค. 68 ยืนยันไม่ส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร

(15 ต.ค. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) ที่อาคารรัฐสภา ว่า 15 ต.ค. 68 เป็นวันแรกของการลงทะเบียนร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส พร้อมระบุว่า นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้นำเสื้อโครงการ คนละครึ่ง พลัส มาให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจ ช่วยประชาสัมพันธ์โครงการ พร้อมระบุ “ให้ภาพเล่าเรื่อง”

ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายอัครุตม์ สนธยานนท์ รองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้บริหารธนาคารกรุงไทย นำคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่เยี่ยมชมการเปิดลงทะเบียนโครงการ คนละครึ่ง พลัส วันแรก สำหรับร้านค้า พร้อมประชาสัมพันธ์เชิญชวนร้านค้าเข้าร่วมลงทะเบียน ณ ตลาดนัดหลังกระทรวงการคลัง

นายเอกนิติ กล่าวว่า เป็นวันแรกที่เปิดลงทะเบียนร้านค้าเข้าร่วมโครงการ คนละครึ่ง พลัส จึงอยากเชิญชวนร้านค้าที่เข้าเงื่อนไขเข้าร่วมโครงการฯ โดยร้านค้าสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม – 19 ธันวาคม 2568 ร้านค้าทยอยเข้ามาลงทะเบียนได้ ส่วนร้านค้าที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งแล้ว สามารถกดปุ่ม “ยอมรับ” ได้ในแอปฯ ถุงเงิน ได้ทันที ส่วนร้านค้าที่ยังไม่เคยอยู่ในโครงการคนละครึ่ง สามารถลงทะเบียนได้ ด้วยการใช้บัตรประจำตัวประชาชน และรูปถ่ายร้านค้าเพื่อยืนยันว่ามีการค้าขายจริง ยืนยันตัวตนทางสำนักงานเขต หรือกระทรวงมหาดไทยกรณีอยู่ต่างจังหวัด และนำหลักฐานไปที่ธนาคารกรุงไทย ซึ่งจะใช้เวลาตรวจสอบ 3 วัน ชื่อเจ้าของร้านค้าจะปรากฏในแอปฯ ถุงเงิน และร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส ได้ทันที อย่างไรก็ตามต้องการให้ร้านค้ารายย่อยหรือรายเล็กเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส ให้มากที่สุด เพราะจะช่วยทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ส่วนประชาชนจะเปิดให้ลงทะเบียนสัปดาห์หน้า วันที่ 20 – 26 ตุลาคม 2458 และเริ่มใช้จ่ายวันแรกในวันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568

จากการเดินสำรวจตลาดหลายร้านค้าต่างบอกว่าได้เริ่มลงทะเบียนโครงการ คนละครึ่ง พลัส แล้ว ส่วนคนที่การลงทะเบียนมีปัญหาสามารถติดต่อที่ธนาคารกรุงไทย หรือที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะทําให้ร้านค้าเข้ามาอยู่ในระบบคนละครึ่ง พลัส มากขึ้นเมื่อถึงเวลาใช้จ่ายจะคึกคักมากขึ้น จากฐานข้อมูลร้านค้าที่ลงทะเบียนโครงการ คนละครึ่งรอบที่แล้วมีประมาณ 900,000 ร้านค้า แต่บางรายหลังจากสิ้นสุดโครงการไม่ได้ใช้งานแอปพลิเคชัน อาจทำให้ข้อมูลที่มีอยู่กับธนาคารกรุงไทยหายไปได้ ขณะนี้มีข้อมูลร้านค้าที่อยู่ในระบบเกือบ 100,000 ราย

โครงการ คนละครึ่ง พลัส ในส่วนของร้านค้าที่เป็นนิติบุคคลรายเล็กรายย่อย ที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีสามารถเข้าร่วมโครงการได้ เพื่อให้ธุรกิจร้านค้ารายย่อยค้าขายได้คึกคัก และยืนยันว่าโครงการคนละครึ่ง พลัส เป็นระบบปิด จะไม่ส่งข้อมูลให้ใครเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล ข้อมูลการค้าขายของโครงการคนละครึ่ง พลัส ไม่มีใครสามารถเอาออกมาได้แม้แต่กรมสรรพากร แต่สำหรับเรื่องการเสียภาษีเป็นหน้าที่ของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา นิติบุคคล เมื่อมีรายได้ก็ต้องเสียภาษี ต้องบอกว่าร้านค้าจะมียอดขายมากขึ้น จึงอย่ากังวลเรื่องจ่ายภาษี เพราะว่าจริง ๆ แล้วเมื่อยอดขายมากขึ้น รวยขึ้น เรื่องระบบภาษีจึงไม่อยากให้เป็นห่วงเพราะเป็นหน้าที่ของคนไทย ทั้งนี้อยากให้เห็นแรงจูงใจของคนที่อยู่ในระบบภาษีที่จะได้ใช้จ่ายในโครงการฯ มากกว่า คือ 2,400 บาท

นอกจากนี้ พลัสเพิ่มทักษะ ยังมีการสอนทำบัญชีแก่ร้านค้า โดยแพลตฟอร์มที่เข้าร่วมจะมีการให้จัดทำบัญชีร้านค้า เพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณาปล่อยกู้สินเชื่อแก่ร้านค้าของธนาคารต่าง ๆ ทำให้ไม่ต้องกู้หนี้นอกระบบเมื่อขาดสภาพคล่อง ส่วนขายของออนไลน์ Food Delivery ขณะนี้มีแพลตฟอร์ม 4 แห่งพูดคุยแล้ว ตกลงว่าจะมาช่วยในหลายเรื่อง เพื่อให้ร้านค้าได้เรียนรู้วิธีการขายของออนไลน์ ซึ่งในแอปฯ ถุงเงิน จะสอนขายของอย่างไรให้ปัง เป็นการให้ความรู้แก่ร้านค้า สามารถขยายตลาดได้มากขึ้น

สำหรับกลุ่มรถขนส่งสาธารณะ เช่น จักรยานยนต์รับจ้าง ที่ยังสับสนและไม่เข้าใจขั้นตอนการลงทะเบียน ย้ำว่าไม่ต้องกังวล หากมีใบขับขี่สาธารณะที่ถูกต้องก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้

คาดว่าโครงการนี้จะก่อให้เกิดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจกว่า 88,000 ล้านบาท โดยส่วนแรกมาจากงบประมาณรัฐบาล 44,000 ล้านบาท และงบใช้จ่ายจากประชาชนอีก 44,000 ล้านบาท คาดหวังว่าเมื่อเริ่มใช้วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจคึกคัก จากการลงพื้นที่พ่อค้าแม่ค้าบอกว่ารู้สึกว่าคึกคักมากขึ้น สุดท้ายเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นจากการติดหล่มในไตรมาสที่ 4

สำหรับประเภทร้านค้าที่สามารถลงทะเบียนโครงการ คนละครึ่ง พลัส วันที่ 15 ตุลาคม – 19 ธันวาคม 2568 ได้ ประกอบด้วย

1. ประเภทร้านค้า

1.1 เป็นผู้ประกอบการร้านค้าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป ที่มีสัญชาติไทย (ผู้ประกอบการร้านค้าฯ) ดังนี้

ผู้ประกอบการที่ไม่ใช่นิติบุคคล

ร้านค้าธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านค้าธงฟ้าฯ) ที่ไม่ใช่นิติบุคคล เว้นแต่เป็นร้านค้าธงฟ้าฯ ของสหกรณ์ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ร้านค้าของกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมืองตามพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. 2547 (พ.ร.บ. กองทุนหมู่บ้านฯ)

ร้านค้าของวิสาหกิจชุมชนตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนฯ)

ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นร้านค้าที่มีลักษณะเป็นร้านสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ และต้องมีการประกอบการที่สามารถตรวจสอบได้

1.2 เป็นผู้ประกอบการบริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม ที่มีสัญชาติไทย (ผู้ประกอบการบริการฯ) ดังนี้

ผู้ประกอบการบริการที่ไม่ใช่นิติบุคคล หรือ

ผู้ประกอบการบริการของกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมืองตาม พ.ร.บ. กองทุนหมู่บ้านฯ หรือ

ผู้ประกอบการบริการของวิสาหกิจชุมชนตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนฯ

ทั้งนี้ ต้องมีสถานประกอบการเป็นหลักแหล่งและตรวจสอบได้ และกรณีเป็นผู้ประกอบการบริการนวด สปา จะต้องได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย

1.3. เป็นผู้ประกอบการด้านขนส่งสาธารณะ ที่มีสัญชาติไทยและไม่ใช่นิติบุคคล (ผู้ประกอบการด้านขนส่งสาธารณะฯ) ดังนี้

ผู้ประกอบการประเภทรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI – METER) รถตู้โดยสารประจำทางที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถสองแถวรับจ้าง และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่รถสาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมาย

ผู้ประกอบการรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารที่สามารถตรวจสอบได้ เช่น สามล้อถีบ เป็นต้น

1.4 เป็นผู้ประกอบการด้านขนส่งมวลชนสาธารณะ ได้แก่ รถไฟฟ้าในเขตเมือง รถไฟ รถโดยสารประจำทางสาธารณะ และเรือโดยสารสาธารณะ (ผู้ประกอบการด้านขนส่งมวลชนสาธารณะฯ)

1.5 เป็นนิติบุคคลขนาดเล็ก เฉพาะที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 68 และงบการเงินตามมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. 50) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2567 ซึ่งขายอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป หรือให้บริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม และให้บริการขนส่งสาธารณะ โดยมีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ตามฐานข้อมูลของกรมสรรพากร ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ทั้งนี้ ผู้ให้บริการนวด สปา หรือผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะจะต้องได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย

1.6 ร้านค้าจะต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกสำนักงานเศรษฐกิจการคลังระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 1 – 5

2. การลงทะเบียนร้านค้า

2.1 กรณีเป็นผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”

2.2 กรณีเป็นผู้ประกอบการร้านค้าฯ ผู้ประกอบการบริการฯ หรือผู้ประกอบการด้านขนส่งสาธารณะฯ นอกเหนือจากที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านสาขาของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

2.3 กรณีเป็นผู้ประกอบการด้านขนส่งมวลชนสาธารณะ นอกเหนือจากที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ด้วยการเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” โดยตรงกับธนาคารกรุงไทย

ทั้งนี้ กรณีผู้ประกอบการร้านค้า หรือบริการ ที่ไม่ปรากฏข้อมูลการประกอบกิจการของผู้ประกอบการดังกล่าวในฐานข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ (ไม่มีแบนเนอร์ “คนละครึ่ง พลัส” ขึ้นแสดงในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”) จะต้องได้รับการยืนยันว่าร้านค้ามีการประกอบกิจการจริงจากเจ้าหน้าที่ที่กระทรวงมหาดไทยหรือกรุงเทพมหานครมอบหมาย แล้วแต่กรณี ก่อน จึงนำใบสมัครไปยื่นผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย

“ร้านค้าใหม่”

1. สมัครเป็นร้านค้าถุงเงิน ผ่านเว็บไซต์ http://www.ถุงเงินกรุงไทย.com

2. ดาวน์โหลดใบสมัครที่เว็บไซต์ http://คนละครึ่งพลัส.com กรอกใบสมัคร พร้อมหลักฐาน บัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่ายร้านค้า และรูปเจ้าของร้าน ยื่นใบสมัคร ณ จุดบริการภาครัฐ

3. เมื่อได้รับอนุมัติให้ร่วมโครงการ ในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” จะมีเมนู “คนละครึ่ง พลัส”

การลงทะเบียนรับสิทธิ์โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” สำหรับประชาชน ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” จำนวนประมาณ 20 ล้านสิทธิ์ กำหนดลงทะเบียน วันที่ 20-26 ตุลาคม 2568 หรือจนกว่าสิทธิ์จะเต็ม ระยะเวลาใช้จ่ายวันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ คุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียน มีบัตรประชาชนสัญชาติไทย อายุ 16 ปีขึ้นไปนับจากวันที่ลงทะเบียนไม่เป็นผู้ที่รับสิทธิ์สวัสดิการแห่งรัฐ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2568 และไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิ์ในโครงการคนละครึ่ง เฟส 1-5

คนละครึ่ง พลัส มีเงื่อนไขการใช้สิทธิ์อย่างไรบ้าง

ประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ต้องมีการใช้สิทธิ์ครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 เวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้ถูกยกเลิกสิทธิ์

สามารถใช้สิทธิ์ได้ที่ไหนบ้าง 

ณ ร้านค้าที่ร่วมโครงการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 – 23.00 น. โดยชำระเงินผ่าน G-Wallet ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และเริ่มใช้สิทธิ์ Food Delivery ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” วันที่ 7 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568 เวลา 06.00 – 21.00 น.  ติดตามรายละเอียดโครงการฯ และข้อมูลข่าวสารได้ทาง https://www. คนละครึ่งพลัส.com  ศูนย์ช่วยเหลือสำหรับประชาชน สอบถาม โทร. 0 2111 1122 ศูนย์ช่วยเหลือสำหรับร้านค้า โทร. 0 2111 1111 กด 3 ตรวจสอบสถานะลงทะเบียนร้านค้า โทร. 0 2111 1122 กด 3 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง