นายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งสมุทรสาคร ในเดือนกันยายน 2568 พบว่าปริมาณความหนาแน่นของปลาหมอคางดำเฉลี่ยทั้งจังหวัดลดเหลือ 19 ตัวต่อ 100 ตารางเมตร ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกของการฟื้นฟูระบบนิเวศในพื้นที่และสะท้อนถึงพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน เกษตรกรและชาวประมงในพื้นที่ และยังเดินหน้าดำเนินการ 7 มาตรการโครงการควบคุมและกำจัดประชากรปลาหมอคางดำต่อเนื่อง ล่าสุดร่วมกับชุมชนปล่อยปลาผู้ล่ามุ่งตัดวงจรการแพร่กระจายปลาต่างถิ่นและสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมของชุมชนตั้งแต่การแจ้งเตือน การจับ การนำมาใช้ประโยชน์ เพื่อให้ปลาหมอคางดำลดจำนวนลงจนอยู่ระดับที่ควบคุมได้
ประมงจังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสาคร สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร สภาเกษตรกรจังหวัดสมุทรสาคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน หน่วยงานในพื้นที่ ประชาชน คณะครู บุคลากร ผู้ปกครอง และนักเรียนโรงเรียนบ้านแพ้ววิทยา (ตี่ตง) โรงเรียนบ้านดอนไผ่ (อุดม-สอางค์ อุ่นสุวรรณ) โรงเรียนวัดอ่างทอง โรงเรียนวัดบางยาง เข้าร่วมกิจกรรมปล่อยปลากะพงขาวขนาด 4 นิ้วขึ้นไปรวม 10,000 ตัวในแหล่งน้ำธรรมชาติทั้ง 4 จุดในอำเภอบ้านแพ้ว และอำเภอกระทุ่มแบน โดยพันธุ์ปลาที่ปล่อยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ
การปล่อยผู้ล่าในแหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญช่วยตัดวงจรการแพร่พันธุ์ของปลาหมอคางดำ นายเผดิมกล่าวว่า “มาตรการนี้จะเกิดประสิทธิภาพต้องอาศัยความร่วมมือจากชุมชนให้ช่วยกันดูแล ไม่จับปลากะพงขาวในช่วง 3 เดือนแรก เพื่อให้ปลาได้ทำหน้าที่ผู้ล่าอย่างเต็มที่ และจับได้ต่อเมื่อปลากะพงขาวโตเต็มวัย เป็นการจัดการระบบนิเวศแบบพึ่งพาธรรมชาติ ซึ่งในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ประมงสมุทรสาครได้ปล่อยปลาผู้ล่าไปแล้วกว่า 3 แสนตัว มีทั้งปลากะพงขาว ปลาอีกง เป็นต้น และยังมีแผนปล่อยอย่างต่อเนื่อง
ประมงสมุทรสาครยังเดินหน้ามาตรการอื่นๆ ทั้งการจัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” จับปลาหมอคางดำ ทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมทั้งในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกร ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาสามารถนำปลาหมอคางดำออกจากระบบนิเวศได้แล้วกว่า 2.9 ล้านตัว นับเป็นสถิติที่สูงสุดในประเทศ โดยมี จุดเด่นของการมีแนวร่วมที่ดีและเข้มแข็งทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน เกษตรกร และชาวประมง อาทิ โรงงานปลาป่นในพื้นที่ ได้แก่ โรงงานศิริแสงอารำพี โรงงานท่าจีนนำไปผลิตปลาป่น และชาวบ้านนำปลาไปแปรรูปเป็นอาหารบริโภคในครัวเรือน และจำหน่ายสร้างรายได้เสริม
อีกหนึ่งนวัตกรรมการจัดการคือ โครงการ “ศูนย์การเรียนรู้ของเสียที่ไม่เสีย (Waste, not wasted)” ที่ประมงสมุทรสาครร่วมกับเกษตรกรอำเภอบ้านแพ้ว นำปลาหมอคางดำไปหมักเป็น น้ำหมักชีวภาพ สำหรับให้เกษตรกรในพื้นที่นำไปใช้ โครงการนี้ช่วยกำจัดปลาหมอคางดำออกจากระบบได้ถึง เดือนละกว่า 6,000 กิโลกรัม หรือปีละ 72,000 กิโลกรัม และเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกษตรกรนำไปใช้ปรับปรุงดินแทนปุ๋ยเคมี ซึ่งเป็นโครงการเพิ่มเติมต่อยอดจากความร่วมมือกับ การยางแห่งประเทศไทย กรมพัฒนาที่ดิน และหมอดินในพื้นที่ ในการผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อส่งต่อให้เกษตรกร
อีกความร่วมมือในการแก้ปัญหาปลาต่างถิ่นเชิงสร้างสรรค์คือ โครงการ หมักน้ำปลาจากปลาหมอคางดำ ภายใต้แบรนด์ “หับเผยสมุทรสาคร” ที่ประมงสมุทรสาครร่วมกับ เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร และ ซีพีเอฟ เพื่อสร้างทักษะอาชีพให้ผู้ต้องขัง พร้อมเพิ่มมูลค่าให้ปลาหมอคางดำ นำไปสู่การเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปของจังหวัดต่อไป
นอกจากการควบคุมและกำจัด ประมงสมุทรสาครยังให้ความสำคัญกับการ ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ โดยปล่อยพันธุ์ปลาพื้นถิ่น เช่น ปลาตะเพียน ปลาอีกงและกุ้งทะเลกว่า 7 ล้านตัว ลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ
นายเผดิม กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่แค่จำนวนปลาหมอคางดำที่ลดลง แต่คือพลังความร่วมมือของคนทั้งจังหวัด ที่เปลี่ยนปัญหาให้กลายเป็นพลังสร้างสรรค์ เพื่อคืนความสมดุลของระบบนิเวศและสร้างความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง