นายกฯ เยือนลาว กระชับสัมพันธ์ 75 ปี ผลักดันแก้ปัญหายาเสพติด ภัยออนไลน์ ค้ามนุษย์ ตั้งเป้าการค้า 11,000 ล้านดอลลาร์ ปี 2027

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี  และนางสาวธนนนท์ นิรามิษ ภริยา นำคณะผู้บริหาร ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พลโทอดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี พร้อมภริยา ร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ กรุงเวียงจันทน์ โดยขึ้นแท่นรับความเคารพ ตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ร่วมกับนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และภริยา ก่อนหารือเต็มคณะ

นายกรัฐมนตรีขอบคุณรัฐบาลลาวที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นในการเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรกในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังตรงกับวาระครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–ลาว สะท้อนความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและยั่งยืน พร้อมเชิญนายกรัฐมนตรีลาวเยือนไทยเพื่อร่วมการประชุมผู้นำแม่น้ำโขง–ล้านช้าง (MLC Summit) ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพปลายปีนี้ และยืนยันไทยพร้อมเข้าร่วมประชุม JC และ JBC ที่ลาวจะเป็นเจ้าภาพในปีนี้ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีลาวแสดงความยินดีต่อการเข้ารับตำแหน่งของนายอนุทิน เชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีจะสามารถนำพาประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน และยืนยันสานต่อความร่วมมือไทย–ลาวในทุกมิติที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน

ส่วนสาระสำคัญในการหารือร่วมกัน มีดังนี้

ด้านความมั่นคง เห็นพ้องร่วมมือแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะยาเสพติด การฉ้อโกงออนไลน์ และการค้ามนุษย์ ไทยจะสนับสนุนงบประมาณ องค์ความรู้ และอุปกรณ์ เพื่อเสริมศักยภาพเจ้าหน้าที่ลาว พร้อมเสนอให้ตั้งหน่วยประสานงานหลัก (Contact Point) เชื่อมต่อกับศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซนเตอร์ฯ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ร่วมกัน

ด้านสิ่งแวดล้อมและน้ำ ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนและการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขง ภายใต้ยุทธศาสตร์ “CLEAR Sky” โดยไทยจะสนับสนุนเทคโนโลยีด้านข้อมูลและระบบแจ้งเตือนประชาชน

ด้านเศรษฐกิจและการค้า ไทยพร้อมจัดประชุม COOP ครั้งที่ 8 เพื่อผลักดันการค้าระหว่างกันให้ถึง 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2027 โดยเน้นส่งเสริมการค้าชายแดนและเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs

ด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ เห็นพ้องส่งเสริมโครงการเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างสองประเทศ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวระหว่างไทย–ลาว หลายโครงการมีความคืบหน้า ได้แก่

สะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ–บอลิคำไซ) ก่อสร้างแล้วเสร็จ เตรียมเปิดใช้ธันวาคม 2568 ช่วยลดเวลาและลดต้นทุนขนส่ง เชื่อมโยงไทย–ลาว–เวียดนาม ส่งเสริมการค้าชายแดนและการท่องเที่ยวภาคอีสาน

สะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 1 (หนองคาย–เวียงจันทน์) อยู่ระหว่างปรับปรุงเพื่อเพิ่มความสามารถรับน้ำหนักจาก U15 เป็น U20 ยกระดับประสิทธิภาพและความปลอดภัยด้านการขนส่ง

สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ (ใกล้สะพานแห่งที่ 1) อยู่ระหว่างศึกษาออกแบบและจัดทำ EIA ตั้งเป้าเริ่มก่อสร้างปี 2570 แล้วเสร็จปี 2573 เพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูงลาว–จีน

ทางรถไฟเวียงจันทน์–นครหลวงเวียงจันทน์ ระยะทาง 10 กม. เป็น “missing link” ของระบบราง โดย สปป.ลาวอยู่ระหว่างพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการ

ศึกษาโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขง เชียงแมน–หลวงพระบาง และสะพานรถไฟข้ามโขง
แห่งใหม่

ด้านพลังงาน ไทยและลาวจะขยายความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์ เพื่อดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมสีเขียวในภูมิภาค

กรอบพหุภาคี ทั้งสองฝ่ายยืนยันความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ โดยไทยพร้อมมีบทบาทเชิงรุกสนับสนุนกระบวนการสันติภาพในเมียนมา และเชื่อว่าการเลือกตั้งปลายปีนี้จะเป็นก้าวสำคัญของ
การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสองประเทศ จำนวน 1 ฉบับ และพิธีส่งมอบความช่วยเหลือจากไทยแก่ลาว รวม 5 รายการ ดังนี้

  1. บันทึกความเข้าใจ ระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) กับธนาคารส่งเสริมกสิกรรมแห่ง สปป.ลาว
  2. การสนับสนุนทางการเงิน โครงการสกัดกั้นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด ไทย–ลาว มูลค่า 10 ล้านบาท
  3. การส่งมอบเซรุ่มแก้พิษงู มูลค่า 875,000 บาท
  4. การส่งมอบอุปกรณ์พัฒนาและฝึกอาชีพแรงงานลาว มูลค่า 1,495,930 บาท
  5. การสนับสนุนทางวิชาการ งานออกแบบโครงการพัฒนาระบบประปา ระยะที่ 2 มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี  เข้าเยี่ยมคารวะนายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป.ลาว โดยแสดงความชื่นชมต่อความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของทั้งสองประเทศในฐานะเพื่อนบ้านและหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ พร้อมขอบคุณประธานประเทศลาวในฐานะ “มิตรแท้ของไทย” และยืนยันความมุ่งมั่นสานต่อความร่วมมือให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ พร้อมสนับสนุนงบประมาณเพื่อเสริมศักยภาพเจ้าหน้าที่ลาวในการสกัดกั้นยาเสพติดและสารตั้งต้น รวมถึงสานต่อความร่วมมือด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ ภายใต้นโยบาย “เปลี่ยน Land-locked เป็น Land-linked” เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการเดินทางระหว่างประชาชนทั้งสองชาติ

ประธานประเทศลาว แสดงความยินดีที่ได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีไทย ย้ำว่าลาวให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับไทย และกล่าวแสดงความซาบซึ้งต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยที่มีบทบาทสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ โดยเฉพาะโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมหารือกับ “ทีมประเทศไทย” และผู้แทนภาคเอกชนไทยใน สปป.ลาว เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยมีผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตฯ หน่วยงานด้านความมั่นคงและภาคเอกชนเข้าร่วม โดยเน้นย้ำว่ารัฐบาลมุ่งวางรากฐานเศรษฐกิจที่มั่นคง ผ่านการขยายตลาด การลงทุนสมัยใหม่ และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค พร้อมทั้งเห็นพ้องกับฝ่ายลาว ในการเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน โดยขอให้ช่วยดูแล คนไทยกว่า 5,000 คนในลาว สนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนไทย และขอให้ภาคเอกชนดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม จัดกิจกรรม CSR ต่อเนื่อง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ “นักลงทุนคุณภาพที่ลาวไว้วางใจ” และขยายเครือข่าย “Friends of Thailand” เพื่อเสริมสร้างผลประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน โดยที่ประชุมยังหารือ 5 ประเด็นหลัก ได้แก่

  1. การส่งเสริมการค้าและการลงทุน ตั้งเป้าหมายการค้าทวิภาคี 11,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2027 และเตรียมจัดประชุม JC COOP ครั้งที่ 8 เพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนและ SMEs
  2. การอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ โดยขอให้ลาวดูแลการขนส่งผลไม้ไทยไปจีน และเอื้อให้รถบรรทุกไทยใช้สถานีเวียงจันทน์ขนถ่ายสินค้าขึ้นรถไฟลาว–จีนโดยตรง
  3. การแก้ไขปัญหาภาษีซ้ำซ้อนและต้นทุนการผลิตสูง เพื่อให้มีกฎระเบียบที่โปร่งใส
  4. การพัฒนาบุคลากรลาว รองรับการลงทุนจากไทย
  5. การบริหารความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายอี แจ มย็อง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เพื่อขอบคุณสำหรับสารแสดงความยินดี และตอบรับเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพในเดือนตุลาคมนี้ โดยย้ำไทยและเกาหลีใต้มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นยาวนานกว่า 70 ปี นับตั้งแต่ไทยเข้าร่วมรบในสงครามเกาหลี และพร้อมผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความสัมพันธ์ระดับประชาชน โดยตั้งเป้าขยายมูลค่าการค้ารวมเป็น 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจุบัน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ พร้อมขอให้เร่งสรุปความตกลง FTA เพื่อเพิ่มศักยภาพ ทางเศรษฐกิจร่วมกัน ซึ่งไทยยังต้องการส่งเสริมความร่วมมือในสาขาที่เกาหลีใต้มีจุดแข็ง เช่น พลังงานสะอาด ดิจิทัล และเศรษฐกิจสร้างสรรค์

นายกรัฐมนตรีชื่นชมการลงทุนของบริษัทเกาหลีใต้ในไทยที่ขยายตัวต่อเนื่อง อาทิ ฮุนได COSMAX และ LH ซึ่งเตรียมจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเกาหลีแห่งแรกในไทย ยืนยันรัฐบาลพร้อมสนับสนุนและดูแลนักลงทุนเกาหลีใต้อย่างเต็มที่

ผู้นำทั้งสองยังหารือความร่วมมือระดับภูมิภาค ไทยยืนยันสนับสนุนบทบาทของเกาหลีใต้ในอาเซียน และยินดีที่ไทยดำรงตำแหน่งผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน–เกาหลีใต้ในวาระปัจจุบัน ขณะที่ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้ขอบคุณไทยที่ให้ความช่วยเหลือพลเมืองเกาหลีใต้ที่ถูกหลอกลวงในเมียนมา นายกรัฐมนตรีย้ำว่าไทยพร้อมร่วมมือปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพข้ามชาติอย่างจริงจัง โดยทั้งสองฝ่ายหวังจะได้พบกันในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่มาเลเซีย และการประชุมเอเปคที่เกาหลีใต้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง