จากกรณีที่นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ให้ข้อมูลและแจ้งเบาะแสผู้กระทำความผิดพยายามให้สินบนถึง 40 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ให้ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และพนันออนไลน์ กระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท. หรือตำรวจไซเบอร์) ได้ร่วมมือกันทำงานสืบสวนสอบสวนในทางลับ และสามารถจับกุมผู้กระทำความผิด ซึ่งมีการกระทำเป็นเครือข่ายในหลายพื้นที่ หลายจังหวัดของประเทศไทย จากข้อมูลเบื้องต้น พบว่ามีการเชื่อมโยงไปยังเครือข่ายนอกประเทศ ทั้งเครือข่ายผู้กระทำความผิดที่เป็นคนไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดนโยบายเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน
พลตำรวจโท รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายพชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ (รอง จตช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศปอส.ตร.) พลตำรวจโท สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว รัฐบาลเปิดปฏิบัติการทลายเว็บพนันออนไลน์ ส่ง DSI ร่วมกับ ตำรวจไซเบอร์ ลุยจับหลายเครือข่ายใหญ่ เงินหมุนเวียนรวมกันกว่า 17,200 ล้านบาทต่อปี จับกุมผู้ต้องหา 52 ราย ณ อาคารกระทรวงยุติธรรม โดยการจับกุมผู้กระทำความผิดที่กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมมือกันทำงานครั้งนี้ มีรายละเอียด ดังนี้
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI): เครือข่าย gts89.com และ gtb89.com เงินหมุนเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 3 ราย
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี: จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับรวมทั้งสิ้น 49 ราย เงินหมุนเวียนกว่า 15,200 ล้านบาทต่อปี
1. เครือข่าย “APP.789HENG” เงินหมุนเวียนกว่า 14,400 ล้านบาทต่อปี จากเครือข่ายพนันออนไลน์รายใหญ่ เว็บไซต์ “app.789heng.xyz” คาดว่าทำเงินไปแล้วไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท ได้ตรวจค้นทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ สระแก้ว จันทบุรี และชลบุรี พร้อมกันทั้งหมด 11 จุด จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 15 ราย
2. เครือข่าย “SEXYBACCARAT4” เงินหมุนเวียนกว่า 600 ล้านบาทต่อปี จากเว็บไซต์ “sexybaccarat4.com” ค้นเป้าหมายทั้งในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัดพร้อมกัน ทั้งหมด 4 จุด จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 8 ราย
3. เครือข่าย “หวยริช” หรือ “HUAYRICH” เงินหมุนเวียนกว่า 120 ล้านบาทต่อปี จากเว็บไซต์พนันออนไลน์ “หวยริช.news” หรือ “huayrich.vvipbx.com” ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ค้นเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดเชียงราย 2 จุด จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 3 ราย
4. เครือข่าย MUNGME168 เงินหมุนเวียนกว่า 70 ล้านบาทต่อปี จากเว็บไซต์พนันออนไลน์ เครือข่าย “mungme168” จับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย
5. เครือข่าย LOT1669 เงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาทต่อปี จากเว็บไซต์พนันออนไลน์ เครือข่าย “LOT1669” จับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย
6. เครือข่ายกดเงินบัญชีม้าส่งเจ้าของเว็บพนัน จากเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่ายต่างๆ อาทิ BACCARAT, GAME16, SEXXYBACCARAT, GOATHUB มีเงินหมุนเวียนระดับหลักร้อยล้าน ตรวจค้น 1 จุด จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย
7. คดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 16 ราย
พลตำรวจโท รุทธพล กล่าวว่า การจับกุมทั้ง 6 เว็บไซต์ในครั้งนี้ มีความเชื่อมโยงกับปมสินบน 40 ล้าน เพื่อแลกกับการไม่ให้เร่งปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และพนันออนไลน์ ตามที่นายไชยชนก ให้ข้อมูลหรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ในกระบวนการที่กองปราบปรามกำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวนว่าเชื่อมโยงกับสินบน 40 ล้านอย่างไร มีบางส่วนที่เส้นเงินไปแตะกัน ซึ่งต้องขยายผลต่อ ส่วนที่นายไชยชนกไปแจ้งความแล้ว กองปราบปรามอยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้การจับกุมทั้ง 6 เว็บไซต์นี้ ยืนยันว่าจะขยายผลให้มากที่สุด เบื้องต้นได้ดำเนินการจับกุมตามการแจ้งเบาะแสดังกล่าวไว้แล้วทั้งผู้ถือบัญชีม้า ผู้ทำหน้าที่กดเงิน ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายผลว่ามีเว็บไซต์ใดบ้างเกี่ยวข้องกับสินบน 40 ล้านบาท เชื่อว่าไม่ได้มีเฉพาะแค่ 6 เว็บไซต์นี้เท่านั้น แต่ต้องขอระยะเวลาในการทำงานก่อน
ทั้งนี้ รัฐบาลภายใต้การบริหารของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี รวมทั้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังในการปราบปรามเว็บไซต์พนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้ง อาชญากรรมไซเบอร์ทุกประเภท เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน
นอกจากนี้ พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ยังได้นำทีมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโรงงานสารเคมีแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้นโยบายเชิงรุก “NO Chemical No Drugs” เพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำสารเคมีอุตสาหกรรมไปใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติดจากการตรวจสอบพบว่า โรงงานดังกล่าวไม่ได้รายงานการนำเข้าและส่งออกสารเคมีควบคุมตามที่กฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่จึงอายัด โซเดียมคาร์บอเนต จำนวนกว่า 19 ตัน (474 กระสอบ) และ แอมโมเนียมคลอไรด์ จำนวนกว่า 4 ตัน (185 กระสอบ) ไว้เป็นเวลา 30 วัน เพื่อให้บริษัทนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงต่อไป
โดยจากข้อมูลของ ป.ป.ส. พบว่าสารเคมีที่ถูกอายัดสามารถนำไปผลิตเฮโรอีนได้ในปริมาณ ดังนี้
– โซเดียมคาร์บอเนต 19.08 ตัน สามารถนำไปผลิตเฮโรอีนได้ประมาณ 3,816 กิโลกรัม
– แอมโมเนียมคลอไรด์ 4.108 ตันสามารถนำไปผลิตเฮโรอีนได้ประมาณ 822 กิโลกรัม
นอกจากการผลิตเฮโรอีนแล้ว สารเคมีทั้งสองชนิดนี้ ยังสามารถใช้ในกระบวนการผลิต ยาบ้าและไอซ์ (เมทแอมเฟตามีน) อีกด้วย โดยโซเดียมคาร์บอเนต ถูกใช้เพื่อปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างในกระบวนการสกัด ในขณะที่ แอมโมเนียมคลอไรด์ มักใช้ในขั้นตอนท้ายๆ เพื่อทำให้สารเสพติดตกผลึกกลายเป็นไอซ์ แม้จะไม่สามารถคำนวณเป็นตัวเลขผลผลิตที่แน่นอนได้ แต่สารเคมีที่ถูกอายัดนี้ สามารถผลิตยาบ้าได้กว่า 250 ล้านเม็ด
ดังนั้น ปฏิบัติการครั้งนี้ ถือเป็นการ “ตัดวงจรการผลิตยาเสพติดตั้งแต่ต้นทาง” ที่สามารถส่งผลกระทบต่อเครือข่ายยาเสพติดได้อย่างมาก และสกัดไม่ให้สารเคมีเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการผลิตยาเสพติด
ขณะเดียวกันยังได้ปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อจัดระเบียบสังคมตามประกาศกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดสถานที่ วิธีการ หรือลักษณะต้องห้ามในการขายใบกระท่อม พ.ศ. 2568 ที่มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งมีสาระสำคัญคือ ห้ามขายใบกระท่อมและน้ำต้มใบกระท่อมในระยะ 1,000 เมตรจากสถานศึกษา และห้ามขายในลักษณะแผงลอยหรือเร่ขาย ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับเป็นพินัยสูงสุด 50,000 บาท สำนักงาน ป.ป.ส. ได้เปิดปฏิบัติการปูพรมตรวจสอบร้านจำหน่ายกระท่อมที่เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายพร้อมกันทั่วประเทศ โดยพบการกระทำผิดที่น่ากังวลในหลายพื้นที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 9 ร่วมกับตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา เข้าตรวจสอบร้านขายใบกระท่อมบริเวณโดยรอบมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา และมหาวิทยาลัยทักษิณ พบร้าน “ราชาใบกระท่อม” เปิดจำหน่ายและยอมรับว่าร้านตั้งอยู่ในเขต 1,000 เมตรจากมหาวิทยาลัย แต่ที่น่าตกใจคือ จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าร้านดังกล่าวยังมีการลักลอบจำหน่าย ยาแก้ไอ และกัญชา ซึ่งเป็นยาเสพติดและสมุนไพรควบคุม เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมนายสุเมธ ผู้ขาย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา ดำเนินคดีอาญาทันที
ปปส.ภาค1 ได้นำกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองและตำรวจจังหวัดปทุมธานี ลงพื้นที่ อำเภอลาดหลุมแก้ว พบร้านกระท่อมกระทำผิดกฎหมาย 3 ร้าน มีลักษณะความผิดคล้ายกันคือ ตั้งเป็นแผงลอยริมถนน และอยู่ในระยะไม่เกิน 1,000 เมตรจากสถานศึกษา อีกทั้งยังไม่ติดป้ายประกาศเตือนตามที่กฎหมายกำหนด
ส่วนในพื้นที่ ปปส.ภาค 5 นำทีมร่วมกับฝ่ายปกครอง อำเภอเมืองลำพูน ตรวจสอบร้านค้าบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง พบร้านแผงลอย 2 แห่ง ลักลอบขายน้ำกระท่อมและใบกระท่อมสดริมทาง โดยผู้กระทำผิดทั้งหมดในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และลำพูน เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาโทษปรับเป็นพินัยต่อไป และเน้นย้ำถึงการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมที่เข้มงวด เพราะร้านค้าเหล่านี้อาจเป็นแหล่งมั่วสุมหรือส่งผลให้เกิดการกระทำความผิดกฎหมายอื่นที่ร้ายแรงกว่าได้ การตรวจพบยาแก้ไอและกัญชาในร้านกระท่อมใกล้สถานศึกษา ถือเป็นภัยคุกคามต่ออนาคตของชาติ จึงได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศดำเนินการตรวจสอบเช่นนี้อย่างต่อเนื่องและจริงจัง เพื่อจัดระเบียบสังคมให้ปลอดภัยสำหรับเยาวชน และขอความร่วมมือจากประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะนี้ สามารถแจ้งเบาะแสได้ทันทีที่ สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ที่พึ่งทุกปัญหายาเสพติด