นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดการอบรม หัวข้อ “พลิกไอเดีย สู่รายได้ สร้างยอดขายด้วย content” ที่จัดโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จัดขึ้นที่ โรงแรมสุนีย์ แกรนด์ จังหวัดอุบลราชธานี โดยกล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้มีเป้าประสงค์หลักในการส่งเสริมผู้ประกอบการซึ่งผู้ประกอบการเหล่านี้เป็นกลไกหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ก้าวสู่ตลาดโลก ตลาดออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก การค้าขายจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวเอง โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยก็สามารถทำให้เราแข่งขันได้ เพิ่มช่องทางการตลาด และเพิ่มรายได้ ซึ่งการทำเช่นนั้นเทคโนโลยีอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีการสร้าง content ที่น่าสนใจและสร้างรูปแบบนำเสนอที่น่าสนใจ การทำธุรกิจในโลกปัจจุบันนี้ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและพยายามเข้าใจถึงหลักการของ content ใหม่ๆ วันนี้เป็นความตั้งใจของกระทรวงพาณิชย์ที่จะนำทักษะใหม่ๆ มาสนับสนุนผู้ประกอบการให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น เพื่อก้าวสู้โลกที่มีการแข่งขันกันมากมายทั้งออนไลน์และออฟไลน์
อีกเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ เราอยากมาทำกิจกรรมดีๆ เหล่านี้ที่จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งอยู่ใกล้กับเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองยินดีอย่างยิ่งที่มีผู้ประกอบการซึ่งมาจากจังหวัดต่างๆ ที่ติดชายแดนไทย-กัมพูชา มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transactions Development Agency : ETDA อ่านว่า เอ็ดด้า) พบว่า ในปีที่ผ่านมาตลาด
E-commerce หรือ การขายสินค้าหรือบริการบนอินเทอร์เน็ต มีการขยายตัวถึง 5.4% และมีมูลค่ารวมกว่า 6.1 ล้านล้านบาท เป็นตัวเลขที่ไม่น่าละเลย เพราะฉะนั้นการทำธุรกิจออนไลน์ที่ไม่จำกัดเรื่องเวลา สถานที่ แม้กระทั่งวัยและเพศ พวกเราทำได้ถ้าเรารู้จักหา content ที่ดี กิจกรรมนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้น แต่จะทำอย่างนีอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมทักษะให้ผู้ประกอบการแข็งแกร่งเพราะเมื่อผู้ประกอบการแข็งแกร่งแล้วประเทศก็จะแข็งแกร่งด้วย
การอบรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระทรวงพาณิชย์ ในการส่งเสริมองค์ความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นให้กับ SMEs ไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดยุคใหม่ สร้างความแตกต่างและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้อย่างแท้จริง ส่งผลให้เกิดสภาพแวดล้อมทางธุรกิจดิจิทัลที่เหมาะสม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป สอดรับตามนโยบาย “Quick Big Win” ของกระทรวงพาณิชย์ที่มุ่งเน้นการสร้างผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม
จากนั้นนางศุภจี พร้อมคณะได้ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เปิดงาน “ธงเขียวราคาประหยัด ปุ๋ยถูก ยาดี ต้องที่ธงเขียว” ณ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. จังหวัดศรีสะเกษ จำกัด เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ให้สามารถเข้าถึงปัจจัยการผลิตในราคาที่เป็นธรรม ลดภาระต้นทุน และรักษาเสถียรภาพการผลิตทางการเกษตร
นางศุภจี กล่าวว่า หนึ่งในนโยบายสำคัญของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือการดูแลความเป็นอยู่ของเกษตรกรและประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กระทรวงพาณิชย์จึงเร่งดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของเกษตรกร โครงการธงเขียวฯ ครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน นำปุ๋ยและเคมีเกษตรราคาพิเศษมาจำหน่ายให้กับชาวศรีสะเกษและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนการผลิตและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้กับเกษตรกรในพื้นที่ชายแดน
จังหวัดศรีสะเกษเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน จึงตั้งใจนำโครงการธงเขียวและธงฟ้ามาเชื่อมโยงกัน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยจะมีคาราวานธงฟ้า Mobile เคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ที่เข้าถึงยาก พร้อมจับมือกับไปรษณีย์ไทยในการช่วยค่าขนส่ง เพื่อเปิดช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภคของศรีสะเกษออกสู่ตลาดในวงกว้าง ให้เกิดทั้งการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และลดต้นทุนให้เกษตรกร
โดยภายในงานมีการจำหน่ายปุ๋ยเคมี 6 สูตรหลักที่ใช้ในพืชเศรษฐกิจ เช่น นาข้าว พืชไร่ ผัก และไม้ผล ได้แก่ 15-15-15 / 16-16-8 / 46-0-0 / 13-13-21 / 21-4-21 และ 15-5-20 ลดราคาสูงสุดถึง 200 บาทต่อกระสอบ พร้อมมอบคูปองส่วนลดมูลค่า 50 บาท สำหรับใช้ซื้อสารเคมีเกษตรอื่นๆ เช่น ยาฆ่าแมลงและยาปราบศัตรูพืช
การจัดงานครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกรมการค้าภายใน และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย สมาคมอารักขาพืชไทย สมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย รวมถึงห้างค้าปลีกสมัยใหม่ นำเสนอสินค้าคุณภาพดี ราคายุติธรรม และนวัตกรรมเกษตรทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
สำหรับโครงการธงเขียวและธงฟ้าจะไม่ใช่กิจกรรมครั้งเดียวจบ แต่จะเป็นความร่วมมืออย่างต่อเนื่องระหว่างกระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน และเกษตรกร เพื่อให้ชาวศรีสะเกษมีต้นทุนที่ดี ผลผลิตที่มีคุณภาพ และช่องทางจำหน่ายที่กว้างขึ้น เราจะเดินหน้าทำงานเคียงข้างเกษตรกรอย่างยั่งยืน
ด้านนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การดูแลประชาชนในพื้นที่ชายแดนเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในได้รับมอบหมายให้จัดโครงการธงเขียวและธงฟ้า เพื่อช่วยลดค่าครองชีพและต้นทุนของเกษตรกรใน 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ผู้บริโภค ผู้ประกอบการ ไปจนถึงเกษตรกรรายย่อย
ขณะที่นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 7 และเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายโครงการไปยังพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด โดยจะดำเนินการให้ครบทุกพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรในแต่ละจังหวัดได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ยังเดินหน้านโยบาย Quick Big Win ส่งเสริมและยกระดับสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยมีการจัดแสดงสินค้า GI จังหวัดศรีสะเกษ ภายในงาน เพื่อสร้างการรับรู้และขยายตลาดสินค้าอัตลักษณ์ของชุมชน
โดยนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า จังหวัดศรีสะเกษมีสินค้า GI ทั้งหมด 7 รายการ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ผ้าไหมเก็บบ้านเมืองหลวง หอมแดงศรีสะเกษ กระเทียมศรีสะเกษ และครุน้อยบ้านสะอาง ศรีสะเกษ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 4,500 ล้านบาท ในอนาคตยังมีสินค้าใหม่ที่เตรียมขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม เช่น ไก่ย่างไม้มะดัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับจังหวัดได้มากขึ้น
นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จังหวัดศรีสะเกษมีสินค้า GI หลายรายการที่สร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มให้กับเกษตรกรในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม เช่น ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษที่สร้างมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท ถือเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัด
ทั้งนี้ งาน“ธงเขียวราคาประหยัด ปุ๋ยถูก ยาดี ต้องที่ธงเขียว” จัดถึงวันที่ 18 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00 -16.00 น. ณ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. จังหวัดศรีสะเกษ จำกัด เพื่อร่วมลดต้นทุนการผลิต เสริมความแข็งแกร่งให้ภาคเกษตรไทย
นอกจากนี้ นางศุภจี พร้อมด้วยพลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เปิดงาน “มหกรรมธงฟ้า เยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน” จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17–19 ตุลาคม 2568 ภายในงานมีการจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด สินค้า GI ศรีสะเกษ และสินค้าชุมชนจากทุกอำเภอ เพื่อบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนและเพิ่มช่องทางตลาดให้กับผู้ประกอบการรายย่อย
พร้อมกันนี้ ยังมีรถ “Mobile ธงฟ้าเคลื่อนที่” ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนในเขตชายแดน 3 อำเภอ ได้แก่ กันทรลักษ์ ขุนหาญ และภูสิงห์ ตลอดระยะเวลา 3 วันของการจัดงาน
นางศุภจี กล่าวว่า จังหวัดศรีสะเกษถือเป็นพื้นที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์ด้านการค้าชายแดนไทย–กัมพูชา รัฐบาลมุ่งผลักดันให้จังหวัดศรีสะเกษเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนและสินค้าเกษตรคุณภาพ โดยเฉพาะสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เช่น ข้าวหอมมะลิศรีสะเกษ และทุเรียนภูเขาไฟ ผลไม้ท้องถิ่นที่มีศักยภาพสูง ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์พร้อมเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชนในทุกพื้นที่และผลักดันศรีสะเกษสู่จังหวัดเศรษฐกิจชายแดนที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมเลือกซื้อสินค้าราคาประหยัดในงาน “มหกรรมธงฟ้าเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน” ที่จะจัดไปจนถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2568