เริ่มแล้ววันนี้ ลงทะเบียน “คนละครึ่ง พลัส” สำหรับประชาชน 20 – 26 ต.ค. 68 เริ่มใช้จ่ายตั้งแต่ 29 ต.ค. – 31 ธ.ค. 68 รัฐบาลเตือนอย่าตกเป็นเหยื่อลิงก์ลงทะเบียนปลอม

โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้เพิ่มกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น จากเดิมประชาชนที่สามารถลงทะเบียนใช้สิทธิ์ได้จะเริ่มตั้งแต่อายุ 18 ปี ในครั้งนี้ขยายเป็นเริ่มตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป รวมถึงเปิดโอกาสให้ร้านค้า และผู้ประกอบการรายย่อย หรือ Micro SMEs ซึ่งมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ได้เข้าร่วมโครงการด้วย เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน โดยการลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพ และช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ
และร้านค้า

เนื่องด้วยรัฐบาลเล็งเห็นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2568 ที่คาดว่าจะมีการขยายตัวระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ต่ำกว่าประเทศในภูมิภาค และต่ำกว่าศักยภาพ (Potential Growth) โดยมีปัจจัยสำคัญจากกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงเปราะบาง ภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง ท่ามกลางความเสี่ยงทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 2568 ที่อาจจะชะลอตัวอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เพื่อเป็นหลักประกันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อเพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำว่า รัฐบาลเชื่อมั่นว่าการดำเนินโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” สำหรับประชาชนจะทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 88,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในช่วงปลายปี โดยมีกำหนดการโครงการ ดังนี้

1. ระยะเวลาโครงการฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 31 ธันวาคม 2568

1.1 เปิดรับลงทะเบียนร้านค้า ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม – 19 ธันวาคม 2568

1.2 เปิดรับลงทะเบียนประชาชน ตั้งแต่วันที่ 20 – 26 ตุลาคม 2568 เวลา 06.00 – 22.00 น.

1.3 ประชาชนผู้ได้รับสิทธิสามารถใช้สิทธิโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 เวลา 06.00 – 23.00 น. โดยสามารถซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้า และบริการที่กำหนดจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยกลุ่มผู้ที่อยู่ในระบบภาษี 11 ล้านคน จะได้รับวงเงินคนละ 2,400 บาท และกลุ่มผู้ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี หรือประชาชนทั่วไป 9 ล้านคน ได้รับวงเงินคนละ 2,000 บาท สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.4 ล้านคน ยังคงได้รับเงินช่วยเหลือตามปกติ พร้อมเพิ่มวงเงินอีกเดือนละ 850 บาท ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 รวมเป็นเงินช่วยเหลือเดือนละ 1,150 บาท เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพช่วงปลายปี

1.4 สำหรับการซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568 เวลา 06.00 – 21.00 น.

2. คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส”

   • เป็นผู้มีสัญชาติไทย

   • มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน

   • มีบัตรประจำตัวประชาชน

   • ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูลของกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2568

   • ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการของรัฐ ได้แก่ โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 1-5

3. ช่องทางลงทะเบียน “คนละครึ่ง พลัส”

    สามารถลงทะเบียนรับสิทธิผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

    • ผู้ที่เคย เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565) ตรวจสอบผลการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

    • ผู้ที่ไม่เคย เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565) ตรวจสอบผลการลงทะเบียนผ่าน SMS และแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

4. เงื่อนไขการใช้สิทธิสำหรับประชาชน

    • ผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” จะต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ก่อนเวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้โดนตัดสิทธิตามเงื่อนไขโครงการ

   • ใช้จ่ายผ่านโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” กับร้านค้าที่ร่วมโครงการ ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 เวลา 06.00 – 23.00 น. โดยชำระผ่าน G-Wallet

5. ขั้นตอนการลงทะเบียนสำหรับประชาชนทั่วไป

    ผู้ที่ไม่เคยรับสิทธิ” โครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565)

       1. อัปเดตแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เป็นเวอร์ชันล่าสุด และเปิดใช้งาน G-Wallet

       2. เข้าแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และกดที่แบนเนอร์ “โครงการคนละครึ่ง พลัส”

       3. ยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข และยืนยันลงทะเบียน

       4. แจ้งผลการลงทะเบียนผ่านการแจ้งเตือนบนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ SMS (ภายใน 3 วัน)

       5. เติมเงินเข้า G-Wallet ก่อนเริ่มใช้สิทธิ

       6. เริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 เวลา 06.00 – 23.00 น.

       7. ตรวจประวัติการใช้สิทธิคงเหลือบนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

   • “ผู้ที่เคยรับสิทธิ” โครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565)

      1. อัปเดตแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เป็นเวอร์ชันล่าสุด และเปิดใช้งาน G-Wallet

      2. เข้าแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และกดที่แบนเนอร์ “โครงการคนละครึ่ง พลัส”

      3. ยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข และยืนยันลงทะเบียน

      4. แจ้งผลการลงทะเบียนผ่าน การแจ้งเตือนบนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

      5. เติมเงินเข้า G-Wallet ก่อนเริ่มใช้สิทธิ

      6. เริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 เวลา 06.00 – 23.00 น.

      7. ตรวจประวัติการใช้สิทธิคงเหลือบนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

  • วิธีลงทะเบียน GWallet บนแอปพลิเคชัน เป๋าตัง”

      1. ดาวน์โหลดติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สำเร็จ

      2. เลือก G-Wallet เลือก “สมัครใช้บริการ”

      3. กด “ยินยอม” การจัดการข้อมูลยืนยันตัวตน

      4. ถ่ายบัตรประชาชน และกรอกข้อมูลตามขั้นตอน

      5. เลือกวิธีการยืนยันตัวตน “สแกนใบหน้า”

      6. สแกนใบหน้า ตรวจสอบและยืนยันข้อมูล

      7. เข้าสู่หน้าหลัก เริ่มการใช้งาน

นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระแสโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” มีประชาชนและผู้ประกอบการให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้านับตั้งแต่เริ่มลงทะเบียนในส่วนผู้ประกอบการร้านค้า เมื่อวันที่ 15 ต.ค. – 17 ต.ค. 68
ณ เวลา 12.00 น. พบว่า ร้านที่ค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ

1. ร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 123,960 ราย แบ่งเป็น

    – ร้านค้ารายเดิม    72,185 ราย

    – ร้านค้ารายใหม่    51,775 ราย

2. ร้านค้าที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการสมัคร     98,064 ราย แบ่งเป็น

    – รอให้ร้านค้าเข้ามากดยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการฯ 91,917 ราย

    – รอดำเนินการตรวจสอบ   6,147 ราย

โดยร้านค้าสามารถลงทะเบียนได้จนกว่ากระทรวงการคลังจะปิดรับสมัครในวันที่ 19 ธันวาคม 2568

ด้วยกระแสความนิยมของประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้า ที่มีต่อโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งได้รับความสนใจทั่วประเทศ จึงเป็นเหตุให้เหล่ามิจฉาชีพพยายามฉวยโอกาสหลอกลวงประชาชนหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการ “ส่งลิงก์ปลอม” มาหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวและดูดทรัพย์ของประชาชน

ปัญหาดังกล่าว รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้วางแผนกำหนดมาตรการรับมือร่วมกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
ในเบื้องต้นขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของตำรวจไซเบอร์ ดังนี้ 

1. อย่ากดลิงก์จาก SMS/ข้อความแปลกปลอม เนื่องจากโครงการรัฐ จะไม่ส่งลิงก์ลงทะเบียนผ่านทาง SMS/ข้อความ

2. อย่าหลงเชื่อเพจ/บัญชีโซเชียลที่ไม่เป็นทางการ และขอให้ประชาชนตรวจสอบว่ามีเครื่องหมายยืนยัน (✔ Verified) และตรวจสอบดูว่าเพจมีผู้ติดตามจริงหรือไม่ สำหรับการลงทะเบียนที่ถูกต้องนั้น ทำได้เฉพาะ
แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” เท่านั้น

3. อย่าให้ข้อมูลส่วนตัว อาทิ เลขบัตรประจำตัวประชาชน วันเกิด PIN OTP ข้อมูลบัญชีธนาคาร 

4. อย่าเชื่อสายโทรศัพท์ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ เนื่องจากหน่วยงานรัฐและธนาคารทุกแห่ง ไม่มีนโยบายโทรขอ OTP หรือให้ประชาชนโอนเงิน

5. ตรวจสอบข้อมูลทุกครั้ง หากมีความสงสัย ให้โทรสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง และอย่าแชร์ข้อมูลจากข่าวลือ/เพจที่ไม่น่าเชื่อถือ

หากประชาชนได้รับลิงก์ปลอม ขอให้พิจารณา ตั้งสติ และ “ไม่กดลิงก์” ส่วนกรณีประชาชนเผลอกดลิงก์ปลอมและได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงออนไลน์ ขอให้ดำเนินการแจ้งความออนไลน์ได้ที่  https://www.thaipoliceonline.go.th/login หรือโทร. สายด่วนที่ 1441 เพื่อระงับบัญชีคนร้ายภายใน 72 ชั่วโมง และรีบเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง