นายลวรณแสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ เพื่อฟื้นบรรยากาศการท่องเที่ยวที่กำลังซบเซาและกระตุ้น GDP ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ตามนโยบาย Quick Big Win ประกอบด้วย มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 20,000 บาท โดย 10,000 บาทแรก สามารถนำใบกำกับภาษีรูปแบบกระดาษและรูปแบบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tax Invoice) มาลดหย่อนภาษีได้ และอีก 10,000 บาท สำหรับ E-Tax Invoice เท่านั้น โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า หากท่องเที่ยวในเมืองหลัก สำหรับเมืองรอง 55 จังหวัด และบางอำเภอใน 15 จังหวัดหลัก ลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า ซึ่งจะสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30,000 บาท
สำหรับนิติบุคคลที่นำพนักงานไปอบรมสัมมนาในเมืองรองสามารถนำ E-Tax Invoice มาลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า นอกเหนือจากเมืองรองได้ 1.5 เท่า สำหรับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ อบรม สัมมนา ประจำปีงบประมาณ 2569 โดยจัดทำเป็น KPI ต้องเบิกจ่ายให้ได้ร้อยละ 60 ของงบประมาณ สำหรับโรงแรมที่พัก สามารถนำค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ปรับปรุง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว มาลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าตามค่าใช้จ่ายจริง โดย 4 มาตรการดังกล่าวจะเริ่มในวันที่ 29 ตุลาคมจนถึง 15 ธันวาคมนี้ นอกจากนี้ ยังได้ขยายเวลาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสถานบันเทิงต่างๆ เหลือร้อยละ 5 ออกไปอีก 1 ปี คาดว่ามาตรการที่ออกมาทั้งหมดจะช่วยช่วยเติมเต็ม GDP ในไตรมาส 4 ฟื้นบรรยากาศท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคัก ให้ประชาชนเกิดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวเสริมว่า เบื้องต้นคาดว่ามาตรการลดหย่อนภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ได้ร้อยละ 0.04 และสูญเสียรายได้ราว 5,000 ล้านบาท แต่เมื่อรวมกับมาตรการเพิ่มเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการคนละครึ่งพลัสที่คาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราวร้อยละ 0.4 ประกอบกับการเร่งรัดการเบิกจ่ายจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ได้ถึงร้อยละ 1
