ครม. อนุมัติงบกลาง 6,169 ล้านบาท จ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ 9,000 บาท 6.8 แสนครัวเรือน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามการช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยประชาชนประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี การช่วยเหลือที่ผ่านมายังไม่ครอบคลุม นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 68 ว่าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและพื้นที่รับน้ำให้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เสนอค่าดำรงชีพเบื้องต้นแก่ครอบครัวผู้ประสบภัย เป็นกรณีพิเศษมีประสิทธิภาพ มีความเป็นเอกภาพ ไม่ซ้ำซ้อน และครอบคลุมทุกมิติ ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศชภ.) โดยเน้นย้ำให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที

 ประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) ครั้งที่ 1/2568 เพื่อเร่งติดตามและประเมินสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงการจัดเตรียมมาตรการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างรวดเร็วและทั่วถึง และนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนเป็นการเร่งด่วน โดยย้ำว่า “รัฐบาลให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอันดับแรก” ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม และหน่วยทหารในพื้นที่ เพื่อสำรวจความเสียหายและจัดทำข้อมูลเยียวยาอย่างเป็นระบบ รัฐบาลจะเร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกกลุ่มทั้งครัวเรือนที่เสียหาย เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ และโครงสร้างพื้นฐานที่ชำรุด พร้อมเตรียมแผนฟื้นฟูระยะกลางและระยะยาว เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างยั่งยืน ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเสนอหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 โดยให้ความช่วยเหลืออัตราครัวเรือนละ 9,000 บาท ได้แก่

1. กรณีที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย

2. กรณีที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขัง ติดต่อกันเกินกว่า 7 วัน โดยกำชับให้กระทรวงมหาดไทย และ ปภ. เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินเยียวยาให้ถึงมือประชาชนด้วยความรวดเร็วที่สุด ให้ทันท่วงทีต่อสถานการณ์

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือ
ผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2568 ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ ดังนี้

1. เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568

2. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 6,169.986 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นหน่วยรับงบประมาณและจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยผ่านธนาคารออมสิน ให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป รวมทั้งให้สามารถจ่ายถัวข้ามจังหวัดได้

ปภ. ได้ตรวจสอบและยืนยันจำนวนครัวเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้
จำนวน 685,554 ครัวเรือน มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ/พื้นที่ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย/พื้นที่ประกาศเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน รวม 65 จังหวัด ดังนี้

ภาคเหนือ จำนวน15 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 19 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บึงกาฬ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุบลราชธานี

ภาคกลาง จำนวน 14 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ชัยนาท นครปฐม นครสวรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี สมุทรปราการ สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง อุทัยธานี

ภาคตะวันออก จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง สระแก้ว

ภาคใต้  จำนวน 9 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ พังงา ภูเก็ต ยะลา ระนอง สุราษฎร์ธานี สตูล

กระทรวงมหาดไทย ได้จัดทำหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วง
ฤดูฝน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินช่วยเหลือ เช่น

    1) เป็นกรณีอุทกภัยที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยในช่วงฤดูฝนปี 2568 ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ทั้งกรณีน้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงการระบายน้ำจนส่งผลกระทบทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้

    2) เป็นที่อยู่ที่ประสบอุทกภัย ตามข้อ 1) และได้รับผลกระทบกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้

(1) ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขัง ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย

(2) ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขัง เกินว่า 7 วัน ขึ้นไป

3) ต้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัยประจำในพื้นที่ที่ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน และ

     (1) มีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกให้ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550

     (2) ผ่านการประชาคมหมู่บ้านของแต่ละพื้นที่ประสบสาธารณภัย

     (3) ผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.)

4) กรณีผู้ประสบภัยหลายครั้ง ให้ได้รับความช่วยเหลือเพียงครั้งเดียว

2. อัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือเป็นรูปแบบเหมาจ่ายอัตราเดียว ครัวเรือนละ 9,000 บาท โดยให้ธนาคารออมสินจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือโดยตรง ผ่านรูปแบบการโอนเงินเข้าบัญชีผ่านระบบพร้อมเพย์ (Promptpay)

ทั้งนี้ ให้จังหวัดที่ประสบภัยเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องตามหลักเกณฑ์และช่วยเหลือให้
แล้วเสร็จ ภายใน 90 วัน หลังจากได้รับการจัดสรรงบประมาณ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง