จากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้วยระยะเวลาที่มีอยู่จำกัด รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการแก้ปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ได้แก่ ภัยด้านเศรษฐกิจ ภัยด้านความมั่นคง ภัยด้านสังคม และภัยด้านสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการต้องวางรากฐานของประเทศ โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจเพื่อ “การสร้างรายได้ ลดรายจ่าย” ให้กับประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน เพิ่มความร่วมมือการค้า-การลงทุน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนนั้น
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงได้เร่งขับเคลื่อน “Quick Big Win 5 นโยบาย
ของกระทรวงแรงงาน” ประกอบด้วย 1. แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน จากการสู้รบ ไทย – กัมพูชา 2. Upskill Reskill แรงงานไทยก้าวทันเทคโนโลยี 3. ส่งเสริมสวัสดิการแรงงาน 4. สร้างโอกาสให้แรงงานไทยมีงานทำในต่างประเทศ และ 5. การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ภายใต้สโลแกน “ย้ำโปร่งใส เน้นแก้แรงงานขาดแคลน ยกระดับสิทธิแรงงาน พัฒนาทักษะดิจิทัล” เพื่อให้สอดรับกับนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล เนื่องจาก “แรงงาน” ถือเป็นกำลังสำคัญของภาคธุรกิจและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงาน ได้แถลงข่าว “การเปิดให้บริการระบบ e-WorkPermit โครงการจ้างเหมาเอกชนผลิตใบอนุญาตทำงานและให้บริการรับคำขอและการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (Outsourcing Service)” ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ “e-WorkPermit” เพื่อให้บริการแบบออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การยื่นคำขอ ตรวจสอบสถานะ การอนุมัติ จนถึงการรับใบอนุญาตทำงาน โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง ช่วยลดการใช้เอกสาร ลดขั้นตอน ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ใช้บริการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการยกระดับการให้บริการภาครัฐสู่ระบบดิจิทัล ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพัฒนากระบวนการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้มีความทันสมัย สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วประเทศ ผ่านทางเว็บไซต์ eworkpermit.doe.go.th เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา
ตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการมีผู้ลงทะเบียนเข้าใช้งานระบบแล้ว (ข้อมูลวันที่ 15 ต.ค. 68) จำนวน 18,563 ราย แบ่งเป็น
- นายจ้าง 8,899 ราย
- บริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ หรือ บนจ. จำนวน 308 บริษัท
- ผู้กระทำการแทน บนจ. (นจ.16) จำนวน 7,084 ราย
- หน่วยงานรัฐและมูลนิธิ จำนวน 65 ราย
- ลูกจ้างทุกประเภทและทุกสัญชาติ (คนต่างด้าว) ที่ลงทะเบียน จำนวน 2,207 ราย
ขั้นตอนการให้บริการของศูนย์บริการใบอนุญาตทำงาน ระบบอิเล็กทรอนิกส์ e-WorkPermit มีดังนี้
1. เข้าใช้งานระบบ e-WorkPermit ที่ http://eworkpermit.doe.go.th/ เพื่อลงทะเบียน และสามารถจัดการข้อมูลโปรไฟล์ได้
2. การทำธุรกรรมยื่นคำขอรับ/ขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานได้ผ่านระบบดังกล่าว ทั้งนี้ ข้อมูลของคนต่างด้าวจะขึ้นให้อัตโนมัติจากข้อมูลที่กรอกในการลงทะเบียนเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องกรอกซ้ำทุกครั้ง รวมถึงข้อมูลของผู้ที่เป็นนายจ้างสามารถกรอกเพียงเลขประจำตัวเท่านั้น ข้อมูลจะขึ้นให้อัตโนมัติจากข้อมูลที่นายจ้างลงทะเบียน
3. ชำระเงินค่าธรรมเนียม ผ่านระบบ e-Payment สะดวก ง่าย รวดเร็ว ผ่านการสแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันของทางธนาคาร ไม่ต้องเสียเวลา/ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
4. รอตรวจสอบเอกสารผ่านระบบออนไลน์ ไม่ต้องเสียเวลาในการมายื่นคำขอและรอตรวจสอบเอกสารหลักฐานแบบเดิม และรับการแจ้งผลการอนุญาต ผ่าน E-mail SMS หรือ Line OA เป็นต้น
5. นัดหมาย เลือกศูนย์บริการ วันเวลา และพิมพ์ใบนัดหมาย ผ่านระบบออนไลน์ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปดำเนินการทั้งวัน
6. เดินทางไปศูนย์บริการ เพื่อแสดงตน จัดเก็บข้อมูล Biometric และรับใบอนุญาตทำงาน ตามวัน เวลา สถานที่ ตามนัดหมาย สะดวก ไม่แออัด ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง
กรมการจัดหางาน ได้เปิดศูนย์บริการใบอนุญาตทำงานจำนวน 54 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับระบบใหม่ ประกอบด้วย ศูนย์บริการใบอนุญาตทำงานคนต่างด้าว จำนวน 40 แห่งศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง จำนวน 5 แห่ง หน่วยบริการเคลื่อนที่ จำนวน 8 หน่วย ศูนย์กำกับและควบคุมการปฏิบัติงาน จำนวน 1 แห่ง
ทั้งนี้ นายจ้างและสถานประกอบการสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ eworkpermit.doe.go.th, Facebook DOE e-WorkPermit หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วน กรมการจัดหางาน โทร 1694
กระทรวงแรงงาน ได้หารือร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยว่า
เพื่อหาแนวทางความร่วมมือ Upskill Reskill ทักษะแรงงานไทย ให้สอดคล้องกับตลาดแรงงาน และยกระดับแรงงานไทย โดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เสนอให้ กระทรวงแรงงาน ยกระดับทักษะแรงงานร่วมกับภาคเอกชน โดยจัดตั้งความร่วมมือรัฐ เอกชน สถาบันการศึกษาเพื่อยกระดับทักษะแรงงานให้ตรงความต้องการของอุตสาหกรรม โดยเน้นกลุ่มอาชีพที่ตลาดต้องการเร่งด่วน และขยายอัตราค่าจ้างตามทักษะฝีมือแรงงาน (Pay by skills) ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานให้ครบตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ให้ครบ 280 สาขา จากที่ประกาศไว้ 129 สาขา และให้ความสำคัญกับการ Upskill Reskill และ New skill เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือหลากหลาย (Multiskill) ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (Labour Productivity) สามารถลดต้นทุนและสร้างความสามารถในการแข่งขัน
นอกจากนี้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยังได้เสนอให้กระทรวงแรงงาน พิจารณาเรื่องการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายซึ่งบัญบัติไว้ในมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 อย่างเคร่งครัด และเสนอให้จัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงาน (One Stop Service : OSS) เพื่ออำนวยความสะดวกด้าน Visa & Work Permit คนต่างด้าว (กลุ่ม Skilled Labour & Unskilled Labour) และลดขั้นตอนแก่นักลงทุนต่างประเทศ
จากการประชุมกระทรวงแรงงานจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านแรงงาน (กรอ.แรงงาน) เพื่อเป็นกลไกกลางบูรณาการข้อเสนอและนโยบายแรงงานระหว่างภาครัฐกับเอกชน ให้สามารถขับเคลื่อนและเห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือน โดยมอบหมายปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นผู้ดำเนินการเพื่อหารือรายละเอียดข้อเสนอร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการแรงงานของประเทศ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจและเศรษฐกิจ และยังสร้างความมั่นคงด้านแรงงานไทยในระยะยาว เพื่อให้แรงงานไทย “มีงานดี มีทักษะ มีหลักประกันสวัสดิการ”
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงไฮซีซันด้านการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่นิยมเดินทางในรูปแบบกรุ๊ปทัวร์หรือผ่านบริษัทนำเที่ยว ซึ่งส่งผลให้มีผู้ประกอบธุรกิจบางรายใช้บริการไกด์หรือมัคคุเทศก์ชาวต่างชาติที่ลักลอบประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ ในประเทศไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่มีความผิดตามกฎหมาย เพราะอาชีพมัคคุเทศก์หรืองานจัดนำเที่ยว เป็นงานที่กฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพต้องมีสัญชาติไทยเท่านั้น และเป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำโดยเด็ดขาด ซึ่งระบุไว้ในบัญชีท้ายประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำเด็ดขาดในจำนวน 27 งาน คนต่างด้าวจึงไม่สามารถขอใบอนุญาตทำงานต่อนายทะเบียนเพื่อทำงานดังกล่าวได้ รวมทั้งหากได้รับใบอนุญาตทำงานแล้วแต่ภายหลังลักลอบทำงานมัคคุเทศก์ จะมีความผิดตามกฎหมาย
รัฐบาลมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อนำเงินตราเข้าประเทศ ซึ่งหาก
ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวเลือกจ้างไกด์ต่างชาติแทนคนไทย นอกจากจะมีความผิดตามกฎหมายแล้วยังถือเป็นการแย่งอาชีพของคนไทยอีกด้วย คนต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากสิทธิที่ทำได้ มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และจะถูกส่งกลับประเทศต้นทาง รวมถึงห้ามขอใบอนุญาตทำงานเป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับโทษ ขณะที่นายจ้าง/สถานประกอบการที่รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน เข้าทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ จะมีความผิดเช่นเดียวกัน โดยมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี ผู้ที่พบเห็นการจ้างคนต่างชาติทำงานโดยผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน โทร. 02 354 1729 หรือที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 และสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน








