กรมการแพทย์ ขับเคลื่อนการเข้าถึงบริการ ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม

นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เดือนตุลาคมเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม ซึ่งมะเร็งเต้านม นับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้หญิงทั่วโลกรวมถึงไทย อย่างไรก็ตาม มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาให้หายได้ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การตรวจคัดกรองจึงมีความสำคัญยิ่งในการช่วยลดอัตราการป่วยและการเสียชีวิตจากโรคนี้ กระทรวงสาธารณสุข จึงให้ความสำคัญต่อการจัดบริการคัดกรองมะเร็งเต้านมอย่างครอบคลุม ภายใต้ชุดสิทธิประโยชน์การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมของประเทศไทย เพื่อให้หญิงไทยทุกคนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

กระทรวงสาธารณสุข โดยนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายเพิ่มการเข้าถึงการแพทย์เฉพาะทาง โดยเร่งพัฒนาระบบบริการสุขภาพ โดยมีสาขาโรคมะเร็งเป็นหนึ่งในสาขาหลักที่ได้รับการพัฒนาให้ครอบคลุมทุกเขตบริการสุขภาพทั่วประเทศ พร้อมจัดระบบการส่งต่อการดูแลรักษาอย่างเป็นมาตรฐาน เพื่อให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมได้รับบริการที่มีคุณภาพ ถูกต้องตามแนวทางและสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ตามสิทธิ ปัจจุบัน ไทยมีระบบหลักประกันสุขภาพ 3 กองทุนหลัก ได้แก่ กองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กองทุนประกันสังคม และกองทุนสวัสดิการข้าราชการ ซึ่งครอบคลุมบริการคัดกรองมะเร็งเต้านมตามช่วงอายุและความเสี่ยงของแต่ละบุคคล โดยแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้หญิงไทยควรตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือน เพื่อสังเกตความผิดปกติของเต้านม เช่น ก้อน เนื้อแข็ง ผิวหนังบุ๋ม หรือมีน้ำออกจากหัวนม และควรเข้ารับการตรวจเต้านมโดยบุคลากรสาธารณสุข (Clinical Breast Examination: CBE) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง 

ด้านเรืออากาศเอก นายแพทย์สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข ได้ขยายชุดสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมถึง การตรวจ ยีน BRCA1 และ BRCA2 สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปในกลุ่มความเสี่ยงสูง เช่น มีประวัติครอบครัวญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านมหรือรังไข่ การตรวจยีนดังกล่าวช่วยระบุความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ในอนาคตได้อย่างแม่นยำ ทำให้สามารถวางแผนการดูแล ป้องกันและติดตามอาการได้อย่างเหมาะสม ผู้ที่ตรวจพบการกลายพันธุ์ของยีนยังมีสิทธิได้รับบริการ ให้คำปรึกษาทางพันธุกรรมและการติดตามสุขภาพอย่างใกล้ชิดภายใต้สิทธิหลักประกันสุขภาพ ต่อมาในปี พ.ศ. 2567 ได้มีการเพิ่มชุดสิทธิประโยชน์ การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ สำหรับผู้หญิงไทยอายุ 40 ปีขึ้นไปที่มีญาติสายตรงเป็นผู้ป่วยมะเร็งเต้านม เพื่อเพิ่มโอกาสในการตรวจพบความผิดปกติในระยะเริ่มต้น หากพบความผิดปกติผู้ป่วยจะได้รับการส่งต่อเพื่อการวินิจฉัยยืนยันและได้รับสิทธิการรักษาอย่างครบวงจร

มะเร็งเต้านมอาจเป็นโรคที่น่ากลัว แต่หากตรวจพบในระยะเริ่มต้น โอกาสรักษาหายมีสูงถึงกว่าร้อยละ 90 ดังนั้น การเข้ารับการตรวจคัดกรองตามสิทธิ์ที่มีอยู่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สตรีไทยไม่ควรมองข้าม เพราะ “การรู้เร็ว รักษาได้ และหายขาดได้”  คือกุญแจสำคัญในการปกป้องสุขภาพและชีวิตของผู้หญิงไทยทุกคน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง