สำนักนายกรัฐมนตรี ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต โดยเห็นสมควรประกาศ ดังต่อไปนี้
1. ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
2. ให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์ มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
สำหรับประชาชนทั่วไป ขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เพื่อวางกรอบการจัดพระราชพิธี และแต่งตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ โดยนางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต เพื่อให้การดำเนินการจัดพระราชพิธีพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นไปอย่างสมพระเกียรติตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงให้มีการดำเนินการ ดังนี้
(1) เปิดให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 08.30 – 12.00 น. ณ ศาลา
สหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง
(2) ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการแต่งตั้ง คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการและกราบบังคมทูลเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นองค์ที่ปรึกษา รวมทั้งให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เช่น ฝ่ายอำนวยการจัดงานพระราชพิธี ฝ่ายจัดการพระราชพิธี ฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้าง ราชรถ พระยานมาศ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายรักษา ความปลอดภัย และแจ้งส่วนราชการให้จัดข้าราชการไปร่วมเฝ้าฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 100 วัน เป็นประจำทุกวัน
(3) ให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ดูแลรับผิดชอบรูปแบบ พิธีการและการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษา
(4) ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดผลัดเวรเฝ้าฯ ของคณะรัฐมนตรี ไปเฝ้าฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทุกวันตลอดระยะเวลาของพระราชพิธี
(5) ให้กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานคร จัดกิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศล
(6) ให้กรมประชาสัมพันธ์ เผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อย่างต่อเนื่องและประสานความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศในการจัดทำคำแปลภาษาอังกฤษด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังได้แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ความว่า การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ถือได้ว่าเป็นการสูญเสีย “แม่ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย” ที่ประชาชนทุกคนต่างรักและเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ทั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีของพระมหากษัตริย์ที่สุดแสนประเสริฐ เป็นหลักชัยของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า สมดั่งพระราชอิสริยยศที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระปรีชาและพระวิริยอุตสาหะมาตลอดรัชสมัยแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีของราชอาณาจักรไทยที่เป็นความภาคภูมิใจของพสกนิกรชาวไทยและเป็นที่ยอมรับชื่นชมในพระปรีชาสามารถจากนานาอารยประเทศ
ในการนี้ รัฐบาล จะดำเนินการจัดงานพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติ และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ร่วมใจแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกจิตอันเป็นบุญกุศล ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมทั้งใช้พลังความรัก ความสามัคคี และความจงรักภักดีของพวกเราชาวไทย ถวายเป็นกำลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ในห้วงเวลาแห่งความโศกเศร้านี้ โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ
โดยนายอนุทิน ขอปวงชนชาวไทยร่วมแสดงความอาลัย ถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ชี้แจงว่า รัฐบาลไม่ได้มีคำสั่งให้ภาคเอกชน ประชาชน งดจัดกิจกรรมรื่นเริง ซึ่งจะแตกต่างจากภาคราชการและเป็นเพียงการขอความร่วมมือ ให้ใช้ดุลพินิจพิจารณาการจัดกิจกรรม ต่างๆ ด้วยความเหมาะสม ตามความจำเป็น รวมถึงปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับประเพณี วัฒนธรรม เพื่อไม่ให้กระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และเป็นภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนภาคเอกชน หากต้องยกเลิกกิจกรรมอย่างกะทันหัน สำหรับงานบวช งานแต่งงาน งานประเพณีปฏิบัติได้ ไม่ได้ห้าม เป็นดุลพินิจตามความเหมาะสม
ขณะที่หน่วยงานราชการต่างๆ ได้เตรียมอำนวยความสะดวกประชาชนได้ร่วมแสดงความอาลัย และร่วมพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อย่างสมพระเกียรติ
กระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ ถึงแนวทางอันเกี่ยวเนื่องกับงานพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ส่วนภูมิภาค ณ สถานที่ที่จังหวัดและอำเภอกำหนด ในวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ได้แก่
1. พิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น.
2. จัดโต๊ะและเก้าอี้สำหรับลงนามแสดงความไว้อาลัย พร้อมตกแต่งอาคารสถานที่ ด้วยผ้าดำขาว ให้เหมาะสมแก่พระเกียรติยศ
3. การแต่งกาย ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ชุดปกติขาว ประดับแขนทุกข์ สำหรับประชาชน แต่งกายไว้ทุกข์
กระทรวงสาธารณสุข นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้บุคลากรในสังกัดทั่วประเทศเตรียมพร้อมดูแลสุขภาพประชาชนที่เดินทางร่วมแสดงความอาลัยแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเปิดศูนย์ PHEOC ระดับจังหวัด เตรียมระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินและทรัพยากรทางการแพทย์ให้พร้อม วางระบบบริการปฐมพยาบาลและส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน เฝ้าระวังโรคติดต่อ สุขภาพจิต สุขาภิบาลอาหารและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งจัดกิจกรรมจิตอาสาถวายเป็นพระราชกุศลและเฉลิมพระเกียรติ
กระทรวงศึกษาธิการ มีหนังสือแจ้งเวียน ส่วนราชการในสังกัด/ในกำกับ ให้หน่วยงานในสังกัดและสถานศึกษาทุกแห่ง งดจัดงานที่มีบรรยากาศรื่นเริงทุกประเภท เป็นเวลา 1 ปี และให้หน่วยงานในสังกัดเผยแพร่พระราชกรณียกิจ บนหน้าหลักเว็บไซต์ของหน่วยงานและให้สถานศึกษาทุกแห่งจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากร ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการออกแบบและการก่อสร้างพระเมรุมาศ และอาคารประกอบในพระราชพิธี ได้มีการเตรียมความพร้อมผู้ปฏิบัติงานแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงอย่างสมพระเกียรติ เน้นความประณีต และสง่างาม เป็นไปตามโบราณราชประเพณี นอกจากนี้ ยังจัดเตรียมการดำเนินงานบูรณะราชรถ ราชยาน เพื่อใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ การบันทึกงานหนังสือจดหมายเหตุ โดยประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องของกรมศิลปากร ในวันที่ 26 ตุลาคม 2568
สำหรับการจัดการเส้นทางเคลื่อนพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ไปยังพระบรมมหาราชวัง ในวันที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 16.00 น. กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง โดยเริ่มต้นจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนอังรีดูนังต์ จากนั้นเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่ถนนพระรามที่ 4 มุ่งหน้าเข้าสู่แยกสามย่าน จากนั้นเลี้ยวขวา เข้าสู่ถนนพญาไท เมื่อถึงแยกพญาไท เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนศรีอยุธยา ผ่านบริเวณกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร และวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร จากนั้น เลี้ยวซ้าย เข้าสู่ถนนราชดำเนิน มุ่งหน้าสู่พระบรมมหาราชวัง สำหรับประชาชนที่ประสงค์เข้าร่วมแสดงความอาลัย สามารถเข้าร่วมได้ตามเส้นทางที่ขบวนพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เคลื่อนผ่าน
กระทรวงคมนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้เตรียมมาตรการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่จะเดินทางเข้าร่วมถวายสักการะ เนื่องในพระราชพิธีถวายพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ มณฑลท้องสนามหลวง ด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัยสูงสุด โดยให้กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดบริการรถรับ–ส่งประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในเส้นทางหลัก ได้แก่
• สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ – พระบรมมหาราชวัง
• รังสิต – พระบรมมหาราชวัง
• วงเวียนใหญ่ – พระบรมมหาราชวัง
• เมืองทองธานี – พระบรมมหาราชวัง
รวมถึงเส้นทางอื่นที่เกี่ยวข้อง ประสานงานกับบริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) และผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางและไม่ประจำทางทั่วประเทศ เพื่อจัดเตรียมรถสำรองและดูแลการให้บริการอย่างเป็นธรรม ไม่ให้เอาเปรียบผู้โดยสาร พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตรวจการขนส่งประจำพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณรอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศาลฎีกา และพระบรมมหาราชวัง
ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดพ่วงตู้โดยสารพิเศษเพิ่มในขบวนรถปกติทุกเส้นทางและเตรียมขบวนรถไฟพิเศษรองรับประชาชนในวันที่มีกิจกรรมพิเศษอย่างน้อย 3 เส้นทาง ได้แก่
• กรุงเทพฯ – อยุธยา – กรุงเทพฯ
• กรุงเทพฯ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพฯ
• กรุงเทพฯ – นครปฐม – กรุงเทพฯ
พร้อมประสานการเดินทางเชื่อมต่อกับ ขสมก. เพื่อรับ–ส่งผู้โดยสารระหว่างสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ถึงท้องสนามหลวง ส่วนระบบรถไฟฟ้าทุกผู้ให้บริการจะเพิ่มความถี่การเดินรถในช่วงเวลาที่มีประชาชนหนาแน่น โดยเฉพาะสถานีสนามไชยและสถานีใกล้เคียง ให้กรมเจ้าท่า เตรียมแผนให้บริการเรือข้ามฟากระหว่างท่าวังหลังและท่าพระจันทร์ ท่าเตียนและท่าวัดอรุณโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย พร้อมประสานผู้ประกอบการเดินเรือในคลองแสนแสบ และแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางทางน้ำ








