“คมนาคม” จัดรถโดยสาร – เรือ บริการประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ “พาณิชย์” ย้ำผู้ประกอบการไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคาชุดดำ เสื้อผ้าโทนไว้ทุกข์

นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมผู้บริหารสำนักงานสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมความพร้อมการจัดพิธีทำบุญครบสัตตมวาร (7 วัน) ปัณรสมวาร (15 วัน) ปัญญาสมวาร (50 วัน) และสตมวาร (100 วัน) ในฐานะที่เป็นฝ่ายเลขาฯ คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้จัดงานอย่างสมพระเกียรติมากที่สุด จึงได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมทุกฝ่าย นอกจากจะมีการตั้งคณะกรรมการทั้ง 8 คณะ ขึ้นมาแล้ว ยังได้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (ศปพ.) เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยทั้งส่วนงานราชการและภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะประชาชนที่จะเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่าขอให้ดูแลการจัดงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 นอกจากนี้ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ยังขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ และเครือข่ายโทรทัศน์ทุกช่อง เนื่องจากขณะนี้มีการโพสต์ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เกี่ยวกับแนวทางในการปฏิบัติการไว้ทุกข์ โดยมีนโยบายให้ข้าราชการไว้ทุกข์ 1 ปี และลดธงครึ่งเสา 30 วัน แต่การไว้ทุกข์ของประชาชนไม่ใช่ 30 วัน อาจเป็นการสื่อสารข้อมูลที่ผิดพลาด โดยการไว้ทุกข์ของประชาชนให้เป็นไปตามความเหมาะสม ที่จะเป็นการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี

          กรุงเทพมหานคร แนะนำประชาชนเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้า                 พระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ ศาลาสหทัยสมาคม
ในพระบรมมหาราชวัง ทุกวัน เวลา 08.30 น. – 16.00 น. ดังนี้

   – ประชาชนผู้เข้าถวายสักการะต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพไว้ทุกข์ สีดำ คอปก งดกางเกงยีนส์ กางเกงขาสั้น

เสื้อแขนกุด สุภาพสตรีสวมกระโปรงหรือผ้าถุง คลุมเข่าสีดำเท่านั้น

   – พกบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง เพื่อความสะดวก

   – เขียนชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ของผู้ปกครองติดตัวเด็กไว้

   – สอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่จิตอาสา

   – พกยาประจำตัวติดกระเป๋า

   – เตรียมน้ำดื่ม หมวก ร่ม หรืออุปกรณ์กันแดด

          ผังเส้นทางการเข้าถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง

   1. ประชาชนเมื่อเข้าสู่ท้องสนามหลวงแล้วให้ไปผ่านจุดคัดกรอง บริเวณฝั่งอาคารถาวรวัตถุ (ตึกแดง)

   2. นั่งรอที่เต็นท์จุดพักคอยตามลำดับคิว

   3. เจ้าหน้าที่จะพาลงไปที่อุโมงค์หน้าพระลาน บริเวณทางลง ประตู 1 ซึ่งจะมีเก้าอี้ไว้บริการ รวมทั้ง                           มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและตรวจสอบความเหมาะสมของเครื่องแต่งกาย

   4. เจ้าหน้าที่จะพาไปยังจุดคัดกรอง บริเวณประตูมณีนพรัตน์ ทางเข้าพระบรมมหาราชวัง

   5. ผ่านจุดตรวจค้นสัมภาระ และเครื่องสแกน จากนั้นพักรอบริเวณเต็นท์ด้านหน้าศาลาสหทัยสมาคม
เพื่อเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์

   6. เมื่อสักการะพระบรมศพเรียบร้อยแล้วให้ออกทางออกบริเวณประตูวิมานเทเวศร์

กระทรวงคมนาคม ได้จัดมาตรการอำนวยความสะดวกประชาชนในการเดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพ
เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ดังนี้

  • กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดเดินรถ Shuttle Bus

บริการฟรี เชื่อมต่อสถานีขนส่งและจุดสำคัญ 8 เส้นทาง ตั้งแต่เวลา 05.00 – 22.00 น. ได้แก่

1. รถโดยสารสาธารณะ

– เส้นทางอนุสาวรีย์ฯ (ฝั่งพญาไท) – สนามหลวง     – สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – สนามหลวง

– เส้นทางสายใต้ใหม่ – สนามหลวง                    – หัวลำโพง – สนามหลวง

– เอกมัย – สนามหลวง                                 – บางใหญ่ – สนามหลวง

– สนามราชมังคลากีฬาสถาน – สนามหลวง           – หมอชิต 2 – สนามหลวง

จัดเดินรถ Shuttle Bus บริการฟรี เชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าและเรือโดยสารมาสนามหลวง

– สถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่สถานีท่าพระ สถานีสนามไชย สถานีสามยอด

– สถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สถานีสยาม สถานีวงเวียนใหญ่

– เชื่อมต่อเรือโดยสารสะพานผ่านฟ้า – สนามหลวง

                   จุดรับ – ส่ง ประชาชนบริเวณถนนหน้าพระลาน และจุดจอดรถบริเวณอนุสาวรีย์ทหารอาสา หน้าโรงละครแห่งชาติ (ท่าปล่อยรถสาย 59 A4 S1)

2. รถไฟฟ้า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้จัดให้บริการรถไฟฟ้ามหานครทั้ง 4 สาย ได้แก่

รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีเหลือง สายสีชมพู จัดเตรียมขบวนรถเสริม/เพิ่มความถี่การเดินรถให้เพียงพอต่อการให้บริการในกรณีที่มีผู้โดยสารหนาแน่น จัดเตรียมช่องทางพิเศษสำหรับการจำหน่ายเหรียญโดยสาร/บัตรโดยสาร โดยเฉพาะในสถานีที่คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก เช่น สถานีสนามไชย และสถานีใกล้เคียง

โดยได้ประสานความร่วมมือกับ ขสมก. จัดรถบริการรับ-ส่ง ฟรี เชื่อมต่อสายสีน้ำเงิน ไปยังสนามหลวงที่สถานีท่าพระ สถานีสนามไชย สถานีสามยอด และสถานีหัวลำโพง พร้อมทั้งให้บริการอาคารและลานจอดแล้วจร (Park & Ride) ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าทั้ง 4 สาย

3. รถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดพ่วงตู้โดยสารพิเศษเพิ่มในขบวนรถปกติทุกเส้นทางและเตรียมขบวนรถไฟพิเศษรองรับประชาชนในวันที่มีกิจกรรมพิเศษอย่างน้อย 3 เส้นทาง ได้แก่

  • กรุงเทพฯ – อยุธยา – กรุงเทพฯ
  • กรุงเทพฯ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพฯ
  • กรุงเทพฯ – นครปฐม – กรุงเทพฯ

พร้อมประสานการเดินทางเชื่อมต่อกับ ขสมก. เพื่อรับ–ส่งผู้โดยสารระหว่างสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) – สนามหลวง

4. เรือโดยสาร กรมเจ้าท่า ได้ดำเนินการจัดเรือบริการรับ-ส่ง ฟรี ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2568 จำนวน 7 วัน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนเส้นทาง ท่าเรือวัดระฆัง – ท่าเรือวัดอรุณฯ – ท่าช้าง (วังหลวง)และจัดเจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน บริเวณท่าเรือพรานนก ท่าพระจันทร์ ท่าช้าง ท่าเตียน และท่าวัดอรุณราชวราราม

ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางและการบริการเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน กระทรวงคมนาคม โทร. 1356 BMTA Contact Center (รถโดยสารประจำทาง) โทร. 1348 Call Center รฟม. (รถไฟฟ้า MRT และ Park & Ride) โทร. 0 2716 4044 สายด่วนกรมเจ้าท่า (ข้อมูลความปลอดภัยทางน้ำ และบริการเรือข้ามฟากฟรี) โทร. 1199 ตลอด 24 ชั่วโมง

โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์รับจ้าง อย่าฉวยโอกาสเรียกเก็บค่าโดยสารเกินจริง หากประชาชนพบการกระทำผิด สามารถแจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้จำหน่ายชุดดำและเสื้อผ้าโทนไว้ทุกข์ในราคาที่เหมาะสม สอดคล้องกับต้นทุนจริง และจะมีจำหน่ายในโครงการคนละครึ่งตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568 เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในช่วงเวลาสำคัญ ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ทั้งตลาด ร้านค้าจำหน่ายเสื้อผ้า และช่องทางออนไลน์ทั่วประเทศ หากพบการกระทำผิดจะดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยกรณีไม่ปิดป้ายราคา มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หากจำหน่ายในราคาที่สูงเกินสมควรหรือเอาเปรียบผู้บริโภค มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีกักตุนสินค้าเพื่อหวังผลกำไร มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสได้ทางสายด่วน 1569

ข่าวที่เกี่ยวข้อง