นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในมีการเตรียมความพร้อมรองรับโครงการ คนละครึ่ง พลัส โดยมุ่งเน้นไปที่ด้านอาหาร เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน โดยการหาช่องทางให้ประชาชนสามารถเลือกซื้ออาหารที่ถูกและคุ้มค่า ซึ่งจะดำเนินการผ่านร้านธงฟ้าที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยจะเริ่มทดลองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน ซึ่งมีร้านค้าในโครงการประมาณ 1,500 ร้าน กรมการค้าภายในจะเข้าไปช่วยจัดหาวัตถุดิบราคาประหยัด เช่น ข้าวสาร น้ำมันพืช น้ำตาล ไข่ไก่ เนื้อหมู และผักสดต่างๆ ไปเสริมให้ร้านค้าเหล่านี้ให้สามารถจัดทำเมนูพิเศษเพื่อช่วยเหลือและป้องกันไม่ให้ประชาชนรู้สึกว่าคุณภาพหรือปริมาณอาหารลดลงเมื่อใช้สิทธิ์คนละครึ่งพลัส นอกจากนี้ได้มีการเก็บราคาสินค้าในทุกตลาดไว้ก่อนเริ่มโครงการคนละครึ่ง พลัสเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการเพิ่มราคาแล้วจึงมาลดทีหลัง ซึ่งจะไม่สอดคล้องกับนโยบาย
ส่วนการเตรียมตัวของประชาชน นางสาวชลิตา งามรอด กล่าวว่า ตนได้รับวงเงิน 2,000 บาท ซึ่งตั้งใจจะใช้ให้เต็มวงเงิน 200 บาทต่อวัน ในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในการดำรงชีพ ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดเงินได้บ้าง แต่ยังมีความกังวลในด้านร้านค้าที่รองรับ ความเสถียรของระบบและการฉวยโอกาสขึ้นราคา
ด้านผู้ประกอบการร้านค้า นางสาวณัทฐิตรา จันทร์ขิ่น ผู้ประกอบการร้านเสื้อผ้า กล่าวว่า ทางร้านค้าในผู้ประกอบการรายอื่นในตลาดเดียวกันได้มีการเตรียมสินค้ารองรับโครงการคนละครึ่ง พลัส ไว้แล้ว โดยคาดว่าบรรยากาศการซื้อขายสินค้าจะคึกคักเป็นพิเศษ จึงอยากขอเชิญชวนประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอย เพื่อช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ประชาชน สามารถใช้สิทธิ์คนละครึ่ง พลัส กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น.-22.00 น. ของทุกวันไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.นี้ สำหรับฟู๊ดเดลิเวอรี่จะเปิดให้ใช้ได้ในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ทั้งนี้แนะนำให้ประชาชนใช้สิทธิ์ครั้งแรก ภายในเวลา 23.00 ของวันที่ 11 พ.ย.นี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกตัดสิทธิ์ตามเงื่อนไขโครงการ








