ปิดฉากประชุมเอเปค นายกฯ พอใจไทยได้รับการตอบรับที่ดีในเวทีโลก ชู 3 แนวทาง ส่งเสริมความร่วมมือ พัฒนา AI ปราบสแกมเมอร์ สร้างสังคมทุกกลุ่มพร้อมรับอนาคต

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 รอบที่ 2 (The 32nd APEC Economic Leaders’ Meeting – Session II) ภายใต้หัวข้อ “Preparing a Future-Ready Asia-Pacific” ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถ้อยแถลงระบุว่า ในช่วงกว่า 36 ปีที่ผ่านมา เอเปคเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภูมิภาคให้เป็น “เครื่องยนต์แห่งการเติบโตของเศรษฐกิจโลก” แต่ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งจากเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและภูมิอากาศ ซึ่งล้วนท้าทายความสามารถในการรับมือของภูมิภาค ดังนั้น เอเปคจึงต้องคงไว้ซึ่งบทบาทในฐานะภูมิภาคที่มีเสถียรภาพ นวัตกรรม และความสามารถในการปรับตัว เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต โดยไทยได้เสนอแนวทางสำคัญ 3 ประการ ได้แก่

          1. ยึดมั่นในการส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคและการเติบโตอย่างครอบคลุม เพราะความ
มั่งคั่งจะไม่มีความหมาย หากยังมีคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไทยเชื่อว่าการบูรณาการทางเศรษฐกิจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นจะช่วยให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางในสังคม

          2. ต้องเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล
ด้วยการสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัย ความรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยี AI และการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม ไทยได้จัดทำแนวปฏิบัติจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI Ethics Guidelines) เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีจะถูกออกแบบมาให้ใช้ได้อย่างปลอดภัยและเป็นธรรม พร้อมกันนี้ เอเปคต้องทำให้มั่นใจว่าผลประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ทั้งในเชิงเนื้อหาและแพลตฟอร์มออนไลน์ จะได้รับการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่และเท่าเทียม เพื่อให้นวัตกรรมสามารถเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ประชาชนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคได้อย่างแท้จริง

ขณะเดียวกัน ไทยยังได้เน้นย้ำถึงการเร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์และการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นอาชญากรรมข้ามพรมแดนที่ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมกัน ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูล การบังคับใช้กฎหมายที่สอดคล้องกัน และการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่สังคม พร้อมขอบคุณสาธารณรัฐเกาหลีและสหรัฐอเมริกาสำหรับบทบาทนำในเรื่องนี้ โดยไทยพร้อมทำงานร่วมกันผ่านศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) และเวที APEC Online Scams Exchange Forum

          3. เอเปคต้องเสริมพลังให้กับทุกกลุ่มในสังคม โดยเฉพาะในยุคที่ประชากรกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย จึงต้องส่งเสริมการจ้างงานที่ครอบคลุม มีระบบดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการเรียนรู้ทุกช่วงวัย สำหรับไทยได้ผลักดันนโยบายการจ้างงานผู้สูงอายุ การขยายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และการวางแผนครอบครัวอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีในทุกช่วงวัย

นอกจากนี้ ได้ย้ำว่าในยุคที่โลกไร้พรมแดนและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ไม่มีเขตเศรษฐกิจใดสามารถยืนอยู่ได้เพียงลำพัง หากเอเปคสามารถปรับทิศทางร่วมกันได้ ก็จะยังคงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของโลก โดยอาศัยความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและเป้าหมายร่วมกัน เพื่อสร้างภูมิภาคที่เชื่อมโยง ยั่งยืน และพร้อมรับอนาคตอย่างแท้จริง

โดยนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า พอใจภาพรวมตลอด 4 วันที่ผ่านมา (29 ต.ค. – 1 พ.ย. 68) ทั้งการหารือกับภาคเอกชนชั้นนำ สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค และการหารือทวิภาคีกับผู้นำหลายประเทศ จีน แคนาดา บรูไน และการพูดคุยกับนายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งบรรยากาศโดยรวมเป็นไปอย่างฉันท์มิตร ทำให้การพูดคุยความร่วมมือต่าง ๆ มีสัญญาณที่ดี ทั้งการค้า การลงทุน การปราบปรามสแกมเมอร์          การท่องเที่ยว พลังงานสะอาด เศรษฐกิจดิจิทัล ตลอดจนการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนกับประชาชน ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ไทยได้รับการตอบรับที่ดีในเวทีโลก

ส่วนบนเวทีการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ ไทยแสดงจุดยืนชัดเจนให้ความสำคัญกับความร่วมมือรอบด้านกับทุกพันธมิตร ทั้งในระดับทวิภาคี ระดับอนุภูมิภาค และระดับภูมิภาค ผ่านกลไกต่างๆ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาค พร้อมเสนอให้เอเปครักษาการเปิดกว้างของตลาด การขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ยึดมั่นในระบบพหุภาคีและกลไกการค้าเสรีบนพื้นฐานของกติกา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมและไม่แบ่งแยก พร้อมสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคในปีหน้าของจีนอย่างเต็มที่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง