โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ยังคงได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่องจากประชาชนและผู้ประกอบการ
รายย่อยทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และสร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชนอย่างทั่วถึง โดยเปิดโอกาสให้ร้านค้ารายใหม่เข้าร่วมโครงการได้มากขึ้น ร้านค้าสามารถสมัครเข้าร่วม “คนละครึ่ง พลัส” ได้ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” หรือสมัครด้วยตนเองที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ โดยต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีของรัฐ และจำหน่ายสินค้า–บริการที่เข้าข่ายตามเงื่อนไขของโครงการ เช่น ร้านอาหาร ร้านตัดผม ร้านนวดแผนไทย ร้านซักรีด หรือร้านค้าทั่วไป โดยได้เริ่มให้ประชาชนใช้สิทธิ์แล้วตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568 อีกทั้ง จะเปิดให้ร้านค้าบนแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอีกด้วย ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
3 พฤศจิกายน 2568 โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เปิดให้ร้านค้าประเภทกิจการร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าร่วมโครงการแล้ว ผูกกับแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี โดยสามารถลงทะเบียนได้ ตั้งแต่เวลา 06.00 – 23.00 น. โดยร้านค้าเลือกฟู้ดเดลิเวอรีได้ 1 แพลตฟอร์ม
7 พฤศจิกายน 2568 เริ่มใช้สิทธิโครงการ สําหรับร้านค้าที่ทําการสมัครฟู้ดเดลิเวอรีแพลตฟอร์มสําเร็จ สามารถรับออเดอร์ได้ ตั้งแต่เวลา 06.00 – 21.00 น. และประชาชนสามารถสั่งซื้ออาหาร/เครื่องดื่ม
ผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี ได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. – 31 ธ.ค. 68 เวลา 06.00 – 21.00 น.
31 ธันวาคม 2568 สิ้นสุดโครงการ ร้านค้าสามารถรับออเดอร์ของโครงการได้ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 68
เวลา 21.00 น.
รายละเอียดร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
- ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ประเภทกิจการร้านอาหารและเครื่องดื่ม
- ร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการฟู้ดเดลิเวอรีผ่าน แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” โดยสามารถเลือกผูกกับฟู้ดเดลิเวอรีแพลตฟอร์มที่ใช้อยู่ (เลือกได้แค่ 1 แพลตฟอร์ม)
- ร้านค้าผูกฟู้ดเดลิเวอรีแพลตฟอร์มสําเร็จ จะทราบผลการสมัคร ในวันถัดไป
- ร้านค้าต้องยอมรับข้อตกลง และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และโครงการฟู้ดเดลิเวอรี
- ร้านค้าฟู้ดเดลิเวอรีจะสามารถรับออเดอร์ได้เมื่อถึงวันเริ่มโครงการฯ เริ่ม 7 พ.ย. – 31 ธ.ค. 68
ขั้นตอนการสั่งซื้ออาหาร
1.เข้าสู่เมนู Food Delivery ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เลือกแบนเนอร์ “ฟู้ดเดลิเวอรี” จากหน้าแรกของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
2. เข้าสู่หน้าโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” แล้วเลือกแบนเนอร์ “ฟู้ดเดลิเวอรี”
3. เลือกแพลตฟอร์ม Food Delivery ที่ต้องการใช้บริการ
4. แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” จะนำเข้าสู่แพลตฟอร์ม Food Delivery ที่เลือก – ค้นหาร้านค้าและเลือกรายการอาหารตามปกติ และทำการสั่งอาหารและรอรับการแจ้งเตือนเพื่อชำระค่าจัดส่ง
5. ชำระค่าจัดส่ง ดำเนินการชำระค่าบริการจัดส่งอาหารผ่านช่องทางของ Food Delivery แพลตฟอร์ม
เมื่อชำระค่าส่งสำเร็จ ระบบจะส่ง Notification เพื่อให้ชำระค่าอาหารผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
นอกจากนี้ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ยังได้เดินหน้าลดค่าครองชีพให้กับประชาชนโดยจัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ “รวมพลังห้างท้องถิ่น ลดยิ่งใหญ่ ไทยช่วยไทย” (LOCAL Low COST) ระหว่างวันที่ 1–15 พฤศจิกายน 2568 ยกขบวนสินค้าทั้งอุปโภค บริโภค ผลิตภัณฑ์ความงาม อาหารสัตว์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในราคาพิเศษ ลดราคาสูงสุดกว่า 60% ทั่วประเทศ โดยมีผู้ประกอบการห้างค้าส่ง – ค้าปลีกท้องถิ่นกว่า 101 ราย 800 สาขาทั่วประเทศ สอดรับกับนโยบายรัฐบาล “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว และกระจายตัว” ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสินค้าราคาประหยัด ลดภาระค่าครองชีพและ
มีความเป็นอยู่ที่ดี
ขอเชิญชวนประชาชนเลือกซื้อสินค้าคุณภาพในราคาถูก เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้ที่
ห้างค้าส่ง-ค้าปลีกที่เข้าร่วมมหกรรมใกล้บ้านของท่าน โดยสามารถใช้สิทธิร่วมกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
ของรัฐบาลที่กำลังเริ่มดำเนินการในช่วงเวลานี้ คือ
1. บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งรัฐบาลได้เพิ่มวงเงินชั่วคราวอีก 850 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน (พฤศจิกายน-ธันวาคม 2568) จากเดิมได้รับ 300 บาท ทุกวันที่ 1 ของเดือน รวมเป็น 1,150 บาท โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 13.4 ล้านคน สามารถนำวงเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายซื้อสิ้นค้าอุปโภคบริโภค ณ ห้างค้าส่ง-ค้าปลีกท้องถิ่น
ที่เป็นร้านธงฟ้าทั่วประเทศได้
2. ผู้ได้รับสิทธิโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” จำนวน 20 ล้านคน ประกอบด้วย ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีจะได้รับวงเงินจำนวน 2,400 บาท และประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี ได้รับวงเงินจำนวน 2,000 บาท สามารถ
นำสิทธิมาใช้ซื้อสินค้าได้ที่ร้านค้าปลีก/ร้านโชห่วย ที่ร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ได้
การจัดมหกรรม LOCAL Low COST ในครั้งนี้ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศผ่านห้างค้าส่ง – ค้าปลีกท้องถิ่นของคนไทยที่กระจายอยู่ทั่วประเทศให้มีความคึกคัก นับเป็นเส้นเลือดฝอยทางธุรกิจที่มีความสำคัญอย่างมาก เปิดโอกาสให้ธุรกิจรายเล็กสามารถแข่งขันทางการค้าได้อย่างเท่าเทียม และเป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนจะได้ร่วมกันสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจท้องถิ่น ด้วยการใช้สิทธิที่ภาครัฐมอบให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนผ่านกลไกการส่งต่อสินค้าราคาประหยัดจากห้างค้าส่ง – ค้าปลีกท้องถิ่นสู่ร้านค้าชุมชนด้วย
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนส่งเสริมธุรกิจการค้า กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สายด่วน 1570 โทร. 0 2547 5986 www.dbd.go.th หรือ Facebook Page สมาร์ทโชห่วยพลัส
