นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินการจัดการกากอุตสาหกรรม ตามข้อสั่งการของปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมฯ ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม
เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม ในฐานะคณะกรรมการตรวจรับงาน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้า “โครงการจ้างเหมาบริการกำจัด/บำบัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุไม่ใช้แล้วและของเสียเคมีวัตถุที่ตกค้างในพื้นที่ที่มีการลักลอบทิ้งหรือจัดการที่ไม่เหมาะสม บริษัทเอกอุทัย จำกัด (สาขาอุทัย) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เฟส 2” ภายใต้งบประมาณ 5,695,246 บาท ประจำปีงบประมาณ 2568
จากการตรวจสอบ พบว่า บริษัท ทีเออาร์เอฟ จำกัด ผู้รับจ้าง ได้ดำเนินการกำจัดและบำบัดกากอุตสาหกรรมประเภทกรด–ด่างเสื่อมสภาพ สารเคมี และกากตะกอน รวม 518.6 ตัน โดยใช้ปั๊มไดอะแฟรม (Diaphragm Pump) สูบถ่ายของเหลวประเภทกรด–ด่างเสื่อมสภาพ และตัวทำละลาย (Solvent) จากอาคาร 106(2) บรรจุลงถังขนาด 200 ลิตร เพื่อนำไปกำจัดและบำบัดตามหลักวิชาการ พร้อมติดตั้งระบบขจัดมลพิษทางอากาศชนิดเว็ตสครับเบอร์ (Wet Scrubber) เพื่อป้องกันกลิ่นไอสารเคมีไม่ให้กระทบต่อชุมชนใกล้เคียง
ปัจจุบันได้สูบถ่ายและขนย้ายกากอุตสาหกรรมจากอาคาร 106(2) และ 106(3) แล้วเสร็จจำนวน 223 ตัน ซึ่งจะถูกนำไปแปรสภาพเป็นวัตถุดิบทดแทน (Alternative Raw Material) สำหรับใช้ในกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมต่อไป
ภายหลังการตรวจพื้นที่ คณะกรรมการตรวจรับงานได้เข้าพบพนักงานอัยการภาค 1 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อหารือแนวทางการดำเนินคดีทางแพ่ง โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะยื่นฟ้องเรียกค่าใช้จ่ายในการกำจัดกากอุตสาหกรรมจำนวน 4 ล้านบาท จากบริษัทเอกอุทัย จำกัด (สาขาอุทัย) ซึ่งเป็นงบประมาณที่กรมฯ ต้องใช้แก้ไขปัญหาผู้กระทำผิดแทน
การดำเนินคดีดังกล่าวอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย 3 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนครบถ้วน ทั้งทางปกครอง ทางอาญา และทางแพ่ง ถือเป็น “คดีตัวอย่าง” ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมใช้บังคับกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของประชาชน
