นายกฯ ประกาศสงคราม “สแกมเมอร์” รวมพลัง 15 เครือข่าย ย้ำต้องชนะเท่านั้น ให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จากหน่วยงาน 15 เครือข่ายภาครัฐที่ร่วมลงนามใน MOU ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยแต่ละหน่วยงานได้รายงานผลการดำเนินงาน ดังนี้

นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ได้ยกระดับการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อปราบปราม และยุติ ควบคุมซิมการ์ด โดยจำกัดการลงทะเบียนการถือครองซิมการ์ด ได้ไม่เกิน 5 เบอร์ รวมทุกค่ายต่อคน หากมีมากกว่า 5 เบอร์ ต้องยื่นความจำนงในการถือครอง ส่วนชาวต่างชาติ จะต้องเชื่อมโยงกับข้อมูลร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กรมการปกครอง ในการใช้แอปพลิเคชัน ThaiD และการยืนยันตัวตนโดยใช้ระบบ Dip Chip หรือการยืนยันตัวตนโดยอ่านชิปข้อมูลในบัตรประชาชน และยังมีการควบคุม Sim Box และซิมการ์ดร่วมกัน เพื่อรวบรวมและใช้งานในที่เดียวกัน ส่วนบัญชีม้า หากตรวจสอบพบ จะระงับการใช้งาน 3 ปี เหลือแต่บัญชีออมทรัพย์เพื่อการยังชีพเพียงบัญชีเดียว และยังมีการพิจารณาร่างกฎหมายการทำธุรกรรมออนไลน์ แบบยืนยันตัวตน ผ่านทุกแพลตฟอร์มที่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กำลังพัฒนาและกำกับดูแลแพลตฟอร์มต่าง ๆ อีกทั้ง ยกระดับพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 เพื่อรับมือภัยไซเบอร์ และสแกมเมอร์ อย่างครอบคลุมและทันสถานการณ์

นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้กำหนดมาตรการป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ผ่านกลไกของจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 9 มาตรการ คือ

  1. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ศึกษาสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่ กำหนดแผนปฏิบัติการจังหวัด ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในพื้นที่
  2. ให้อธิบดีกรมการปกครอง และผู้ว่าราชการจังหวัด จัดตั้งชุดปฏิบัติการ เพื่ออำนวยการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค
  3. ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ทำงานร่วมมือกับ ตำรวจ ทหาร ในการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างไร้รอยต่อ ใช้กลไกการปกครองในการเพิ่มประสิทธิภาพการข่าวและการประชาสัมพันธ์
  4. เพิ่มความเข้มข้นการดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อยของชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง อำเภอ และชุดปฏิบัติการตำบล
  5. ให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และอำเภอ เน้นการทำงานเชิงรุก รับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ตลอดจนการให้คำแนะนำช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อสแกมเมอร์ และคอลเซ็นเตอร์
  6. ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตรวจตราสอดส่องหาข่าว และเฝ้าระวังป้องกันเพื่อลดโอกาสสมาชิกในหมู่บ้านตกเป็นผู้เสียหาย
  7. ยกระดับความเข้มข้นในการควบคุมจุดผ่านแดนจังหวัด และอำเภอชายแดน
  8. พิจารณาการเพิกถอนสัญชาติ โดยเด็ดขาดทุกกรณี สำหรับบุคคลที่รับสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ
  9. มุ่งเน้นสร้างความตระหนัก รู้เท่าทันภัยเทคโนโลยี ให้ความรู้เชิงรุก ผ่านนายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน

นายปิ่นสาย สุรัสวดี ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง พบช่องโหว่ในการเชื่อมโยงข้อมูล จากหน่วยงานกำกับสินทรัพย์ดิจิทัล การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการซื้อขายทองคำ จึงได้กำชับและ
สั่งการเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อการกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่าผลการดำเนินงานตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 – ตุลาคม 2568 ปปง. จัดการมูลค่าทรัพย์สิน รวมมูลค่า 30,727 ล้านบาท แบ่งเป็นการยึดและอายัดทรัพย์สิน 11,689 ล้านบาท การส่งเรื่องต่อพนักงานอัยการให้ส่งคำร้องต่อศาลแพ่งให้ทรัพย์สินสั่งตกเป็นของแผ่นดินกว่า 12,000 ล้านบาท และการส่งเรื่องต่อพนักงานอัยการยื่นขอคุ้มครองสิทธิ์ 6,400 ล้านบาทนอกจากนี้ยังได้ประกาศรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง หรือบัญชีม้า เพื่อให้สถาบันการเงินได้ติดตามการเคลื่อนไหวทางการเงิน และมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด กำหนดรหัสบัญชีม้าเป็น HR03-1 HR03-2            โดยมีการประกาศรายชื่อแล้วกว่า 95,000 รายชื่อ และธนาคารได้แจ้งกลับว่าในรายชื่อทั้งหมดนี้ เป็นบัญชีม้ากว่า 800,000 บัญชี และมีการนำเงินคืนให้แก่ผู้เสียหายแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีใน 2 มิติ คือ มิตินอกประเทศที่ได้ประสานความร่วมมือการแก้ไขปัญหาฐานที่ตั้งในประเทศเพื่อนบ้าน กับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ UNODC และองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (Interpol) ในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ครอบคลุมถึงการค้ามนุษย์ และมิติในประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เป็นเจ้าภาพการจัดประชุมอาเซียนอินเตอร์โพล เวทีความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับองค์การตำรวจสากล เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองและประสานงานด้านการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้องค์ประกอบความผิดมีอยู่ 4 ปัจจัย คือ คน สาย เสา ซิม หากมีการควบคุมเรื่องของคนผ่านสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ในการระบุวีซ่าการเข้าประเทศ ว่าเป็นประเภทใด เข้ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และการควบคุมเรื่องสายส่งสัญญาณไฟเบอร์ออฟติก เสาส่งสัญญาณ และควบคุมเรื่องซิมการ์ดการใช้งานได้ ปัญหาสแกมเมอร์นี้จะหมดไปจากประเทศไทยทันที

          พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กล่าวว่า การดำเนินการตัดวงจรการกระทำผิด ต้องเน้นกฎหมายการฟอกเงิน คือ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งสามารถเปิดช่องให้ผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่าง ๆ เข้าร่วมการสอบสวนคดีได้ ซึ่งจะทำให้การตัดวงจรอาชญากรรมบรรลุผล โดยในกฎหมายฉบับนี้ยังเอื้อต่อการลงโทษทั้งความผิดทางแพ่ง และความผิดทางอาญาอีกด้วย

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ภัยทางการเงินในรูปแบบปัญหาอาชญากรรมนั้น
มีวิวัฒนาการมาโดยลำดับ หากย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน ภัยจะมาในรูปแบบของแอปพลิเคชันดูดเงิน แต่ในปี 2568 นี้ ปัญหาเรื่องนี้ไม่มีแล้วมียอดผู้เสียหายเป็นศูนย์ แต่ได้วิวัฒนาการรูปแบบการหลอกเหยื่อผ่านการลงทุนเงินเทา การใช้บัญชีม้า โดยจากการควบคุมปัญหาต่าง ๆ ทำให้มียอดธุรกรรมบัญชีม้าลดลงถึง 25%

นางสาวจอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)กล่าวว่า ความเสียหายจากการถูกชักชวนหลอกให้ลงทุนผ่านคริปโตเคอเรนซี เป็นอันดับ 1 มูลค่าความเสียหายกว่า 32,000 ล้านบาท โดยการแปลงสกุลเงินดิจิทัลเป็นเงินสด ผ่านผู้ประกอบการในประเทศไทย และผ่านผู้ประกอบการต่างประเทศในแอปพลิเคชันดิจิทัล ซึ่ง ก.ล.ต. ได้ดำเนินการ 4 มาตรการหลักคือ 1) รับแจ้งเบาะแส 2) ใช้เทคโนโลยีช่วยในการตรวจจับการชักชวนหลอกลงทุนบนสื่อโซเชียลมีเดีย 3) การปิดกั้น โดยบูรณาการหน่วยงานพันธมิตรทั้งผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook Instagram เป็นต้น 4) การให้ข้อมูล และความรู้แก่ประชาชน  

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นับเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของประเทศไทย เป็นวันที่มีการรวมตัวกัน “ประกาศสงครามกับอาชญากรรมออนไลน์” สงครามนี้เป็นสงครามที่เราต้องชนะ เพื่อปกป้องประชาชนจากภัย “สแกมเมอร์” ที่กำลังบ่อนทำลายประเทศอยู่ทุกวัน เพราะเมื่อหนึ่งคนเป็นเหยื่อ ครอบครัวทั้งครอบครัวได้รับผลกระทบด้วย คนจำนวนมากต้องประสบกับความทุกข์และความเครียด ศักยภาพของประเทศถูกบ่อนทำลายจากการกระทำของมิจฉาชีพ ชื่อเสียงประเทศต้องเสื่อมเสีย ภาพลักษณ์ถูกบั่นทอน ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการค้าและการลงทุน ความเสียหายที่ซ่อนอยู่จากภัยของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเหล่านี้ มีมากจนประเมินค่ามิได้ คือภัยแห่งความมั่นคงอันดับต้น ๆ ของประเทศ ทั้งนี้ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รวมพลังกันมาลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ สิ่งที่ลงนามนี้ไม่ใช่เป็นแต่เพียง “เอกสาร” แต่คือ “อาวุธ” ที่จะใช้ในการต่อสู้กับอาชญากรอย่างเป็นระบบ เพราะนี่คือ “วาระแห่งชาติ” ไม่ใช่ภารกิจของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นภารกิจร่วมกันของทั้งประเทศและขอย้ำว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกด้าน ทั้งงบประมาณ เทคโนโลยี และนโยบาย เพื่อให้การทำงานครั้งนี้ เห็นผลจริงในระยะสั้น และยั่งยืนในระยะยาว เพื่อประเทศไทยจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากสแกมเมอร์ และเป็นดินแดนต้องห้ามของอาชญากรรมทุกรูปแบบตลอดไป

สำหรับ MOU มีจุดประสงค์เพื่อเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกใน 5 ด้านหลักคือ

  1. บังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด ไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำความผิด หรือผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
  2. สร้างระบบประสานงานแบบบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวกรอง และการสืบสวน
  3. ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทันที ตัดเส้นทางการเงิน อาชญากรไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานฟอกเงินอีกต่อไป
  4. ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและ AI ในการตรวจจับเส้นทางเงินและพฤติกรรมของมิจฉาชีพ เพื่อสกัดก่อนเกิดเหตุ
  5. การสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน ส่งเสริมความรู้เท่าทัน และการแจ้งเบาะแส เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา และเป็นส่วนหนึ่งของทีมไทยแลนด์ในสงครามครั้งนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง