ผศ.อัครนันท์ อริยศรีพงษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประชุมระดมความคิดเห็นครั้งสำคัญภายใต้หัวข้อ การพัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย ยาดมสมุนไพร ซึ่งมีผู้แทนจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ เข้าร่วมเพื่อผลักดันยาดมไทยให้เป็นผลิตภัณฑ์ ภูมิปัญญาที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับโลก
ผศ.อัครนันท์ กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดยาดมในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท โดยมียอดผลิตยาดมสมุนไพรไทยกว่า 1,333 ล้านบาท กระทรวงสาธารณสุขจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ ภายใต้กรอบ Medical and Wellness S-Curve เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยาดมสมุนไพรไทยให้เติบโตอย่างมีมาตรฐานและยั่งยืน ตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งหลังการประชุมระดมความคิดเห็นร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงมีแนวทางเร่งขับเคลื่อน 2 ยุทธศาสตร์สำคัญ ที่จะใช้เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยาดมสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลก เน้นย้ำว่าแผนงานจะครอบคลุมตั้งแต่การยกระดับคุณภาพ การสนับสนุนนวัตกรรม และการสร้างแต้มต่อทางการตลาด
โดย (ร่าง) แผน Medical and Wellness S-Curve มุ่งยกระดับมาตรฐาน การผลิตและความปลอดภัยอย่างเข้มข้นเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในระดับสากล ,ตราคุณภาพสากล โดยเร่งจัดทำ TPHS (Thai Premium Herbal Standard) เพื่อเป็นตรารับรองผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบ Zero Contamination สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคทั่วโลก, อัดฉีดโรงงาน SME เตรียมให้การสนับสนุน Matching Fund ครึ่งหนึ่งแก่ผู้ประกอบการ SME เพื่อปรับปรุงโรงงานให้ได้มาตรฐาน GMP, พัฒนานวัตกรรม สนับสนุนทุนวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้าง Functional Product ใหม่ๆ เช่น ยาดมที่ช่วยในด้านการนอนหลับหรือการสร้างสมาธิ พร้อมสนับสนุนทุนการออกแบบและจดสิทธิบัตร บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ ,ดึงดูดการลงทุน โดยจัดตั้ง Thai Herb Wellness Fund กองทุนร่วมลงทุนสำหรับ Startups ด้านนวัตกรรมสูง พร้อมเสนอสิทธิประโยชน์ BOI สูงสุด (A1/A2) สำหรับโครงการที่ลงทุนใน R&D และระบบ Automation คาดว่าจะชงแผนเสนอเข้า ครม.ภายในปีนี้
ส่วนแผน 2 โครงการปัญญ์ – พัฒน์ อบรมเสริมความแกร่งให้ผู้ประกอบการเน้นการสร้างความสามารถในการแข่งขันและขยายช่องทางการตลาดของผู้ประกอบการ โดยสร้างสูตรใหม่สนับสนุน R&D เพื่อสร้างสรรค์สูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ และสนับสนุนการทดสอบความคงตัว ,เสริมทัพกฎหมาย จัดอบรมครู ก. ด้านกฎหมายสมุนไพรในทุกจังหวัด เพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึกแก่ผู้ประกอบการ พร้อมลุยตลาดโลก พัฒนาหลักสูตร E-Commerce สู่สากล และสนับสนุนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า/สิทธิบัตรในต่างประเทศ ส่วนด้านแหล่งทุนจัดตั้งโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และระบบพี่เลี้ยงทางการเงิน เพื่อช่วย SME เข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น โดยคาดว่าจะเปิดหลักสูตร ในเดือนมกราคมปีหน้า ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามข่าวรับสมัครได้ที่กองเศรษฐกิจสมุนไพร กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก








