สำรวจสุขภาพคนไทย กลุ่มวัยรุ่น-วัยทำงาน ป่วย NCDs พุ่ง อ้วน 27.4 ล้านคน

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวว่า การสำรวจสุขภาพประชาชนไทย ดำเนินการทุก 5 ปี เริ่มมาตั้งแต่ ปี 2534 ใช้การตรวจสุขภาพเพื่อให้ได้ข้อมูลสถานะสุขภาพที่แท้จริง เป็นการลงทุนด้านข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงประจักษ์ไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ด้านสาธารณสุขของประเทศ โดยผลสำรวจสุขภาพฯ ครั้งที่ 7 พบว่า มีคนป่วยเบาหวานแต่ไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวานถึงร้อยละ 27 หรือ 1.6 ล้านคน และคนป่วยความตันโลหิตสูงที่ไม่รู้ตัวสูงถึงร้อยละ 48 หรือ 8.4 ล้านคน สะท้อนให้เห็นว่าระบบสุขภาพของไทยยังมีช่องว่างที่ต้องพัฒนาเพื่อเพิ่มการเข้าถึงและครอบคลุม

ศ.นพ.วิชัย เอกพลากร ภาควิชาเวชศาสตร์ชมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า สถานการณ์โรค NCDs ของคนไทยในรอบ 20 ปี หรือตั้งแต่ปี 2547-2568 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะภาวะอ้วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มากสุดในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน เพิ่มถึงร้อยละ 45 โดยเฉพาะเพศชาย สำคัญคืออีกมีคนป่วยไม่รู้ตัว เบาหวานป่วยไม่รู้ตัวร้อยละ 27 สูงสุดคือ คน กทม. ถึงร้อยละ 30 ความดันโลหิตสูง ไม่รู้ตัวถึงร้อยละ 50

เช่นเดียวกับ รศ.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และหัวหน้าโครงการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 7 กล่าวว่า ผลสำรวจสุขภาพฯ ครั้งที่ 7 พบว่า คนที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา อ้วน หรือกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ จะมีแนวโน้มป่วยโรค NCDs เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มวัยต่ำกว่า 40 ปี ซึ่งผลสำรวจนี้พบปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการสูบมากขึ้น 3 เท่า จากการสำรวจครั้งก่อน ทำกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานป่วยมากขึ้น ซึ่งกว่าครึ่งไม่รู้ตัว เพราะยังไม่อยู่ในเกณฑ์อายุที่กระทรวงสาธารณสุขจัดชุดตรวจสุขภาพ ซึ่งอาจต้องมีการปรับเกณฑ์ช่วงอายุในการตรวจคัดกรองสุขภาพ โดยมองว่าการลด NCDs ต้องเริ่มตั้งแต่ก่อนอายุ 40 ปี

ขณะที่ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า สสส. สนับสนุนการสำรวจนี้ตั้งแต่ครั้งที่ 4 จนถึงปัจจุบัน การสำรวจสุขภาพนี้เป็นข้อมูลระดับชาติหนึ่งเดียวในไทยที่มีการตรวจเลือดและเก็บตัวอย่างทางชีวภาพ เพื่อวิเคราะห์สถานะสุขภาพ เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือด ไต การทำงานของตับ สสส. ได้นำข้อมูลจากมาวิเคราะห์ร่วมกับ ฐานข้อมูลสุขภาพอื่นๆ ของประเทศ เช่น ข้อมูลการป่วยและการเสียชีวิต เพื่อนำไปพัฒนาดัชนีภาระโรค และคะแนนสุขภาพประชาชน สะท้อนสถานะสุขภาพของประชาชนไทย ทั้งโรค NCDs พฤติกรรมสุขภาพ และความเสี่ยงเชิงสิ่งแวดล้อม เช่น การวิเคราะห์พบว่า ผู้ที่ดื่มสุราระดับเสี่ยงมีค่าเอนไซม์ตับสูงกว่าคน ทั่วไป 3-5 เท่า เสี่ยงต่อโรคตับแข็งและมะเร็งตับอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ สสส. สามารถกำหนดกลยุทธ์การรณรงค์ ลดการดื่มสุราได้ตรงจุดมากขึ้น เป็นพลังสำคัญของการสร้างเสริมสุขภาพยุคใหม่ แม่นยำขึ้นและออกแบบนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนได้จริง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง