นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีส่งมอบอุปกรณ์การแพทย์ภาคสนามให้แก่กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งพัฒนาโดยสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) (สซ.) ร่วมกับโรงพยาบาลค่ายสุรนารี โดยมีพลโท วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ
อุปกรณ์ที่ส่งมอบประกอบด้วย สายรัดห้ามเลือดแบบก้านหมุน (Tourniquet) จำนวน 1,000 ชุด และ เฝือกอ่อน (Splint) จำนวน 500 ชุด รวม 1,500 ชุด เพื่อใช้ในราชการสนาม ช่วยลดการเสียชีวิตของกำลังพลจากภาวะเลือดออกรุนแรงและกระดูกหัก
อุปกรณ์ทั้งสองชิ้นเป็นผลสำเร็จจากความร่วมมือระหว่าง สซ. และโรงพยาบาลค่ายสุรนารี ซึ่งนำนวัตกรรมทางวัสดุศาสตร์จากเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนมาประยุกต์ใช้จนได้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพระดับสากล แต่มีต้นทุนต่ำกว่าการนำเข้ากว่าครึ่ง ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการต่อยอดงานวิจัยไทยสู่การใช้งานจริง
สายรัดห้ามเลือดแบบก้านหมุน (Combat Application Tourniquet: CAT) ออกแบบให้สามารถควบคุมภาวะเลือดออกรุนแรงบริเวณแขนหรือขา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในสนามรบ โดยผ่านการทดสอบว่าสามารถสร้างแรงกดได้คงที่ต่อเนื่อง 5–6 ชั่วโมง ส่วนเฝือกอ่อนผลิตจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์ที่ผ่านกระบวนการอบอ่อน (Annealing) ด้วยแสงซินโครตรอน ทำให้ยืดหยุ่น ดัดเข้ากับสรีระได้มั่นคง และเป็นวัสดุโปร่งแสงรังสี (Radiolucent) สามารถเอกซเรย์ผู้บาดเจ็บได้โดยไม่ต้องถอดเฝือก
นายสุรศักดิ์กล่าวว่า “ถ้าประเทศเราไม่มีงานวิจัยที่ทำเอง ยามวิกฤต ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็หาซื้อไม่ได้ งานวิจัยที่เราพัฒนาจะทำให้ประเทศมีความมั่นคงยิ่งขึ้น”
กระทรวง อว. ตั้งเป้าสนับสนุนให้ทหารมีอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ประจำกาย เพื่อใช้ในทุกภารกิจภาคสนามอีกทั้ง ยังได้หารือกับแม่ทัพภาคที่ 2 ถึงแนวทางความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงานในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความมั่นคง ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยกระทรวง อว. จะระดมศักยภาพทางวิชาการ งานวิจัย และนวัตกรรมมาสนับสนุนการทำงานของกองทัพ
ทั้งนี้ สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สภานโยบาย อววน.) ได้เห็นชอบให้กระทรวงกลาโหมสามารถขอรับงบประมาณวิจัยโดยตรงจากกองทุน ววน. เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและยุทโธปกรณ์ด้านความมั่นคง ซึ่งอยู่ระหว่างการออกประกาศอย่างเป็นทางการ
ภายในงานยังมีการมอบผลิตภัณฑ์จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ได้แก่ ข้าวเม่าคลุกกึ่งสำเร็จรูป เก็บได้นาน 6 เดือน เพียงเติมน้ำร้อน 2 นาที หรือใช้น้ำธรรมดา 7 นาที ก็รับประทานได้ทันที และ เจลลูกประคบสมุนไพร สกัดจากไพล ขมิ้นชัน มะกรูด และตะไคร้ ใช้งานสะดวกแต่คงคุณสมบัติการบรรเทาปวดเมื่อยเช่นเดิม
นอกจากนี้ ยังจัดแสดง “ต้นแบบรถขุดตักดัดแปลงทำลายทุ่นระเบิด PMN-2 สำหรับภูมิประเทศซับซ้อนสูงในพื้นที่ชายแดน” ที่พัฒนาโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งเพิ่งส่งมอบให้กองทัพบกใช้ในภารกิจป้องกันประเทศเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
