ไทยร่วมประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะฯ สมัยที่ 6

นายประเสริฐ ศิรินภาพร รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานอนุสัญญามินามาตะฯ ของประเทศไทย เข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 6 (COP-6) ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เพื่อทบทวนความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามอนุสัญญามินามาตะฯ และกำหนดทิศทางการลดและเลิกใช้ปรอทในระดับโลกอย่างยั่งยืน ระหว่างวันที่ 3 – 7 พฤศจิกายน 2568

การประชุมครั้งนี้ ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินการลดและยกเลิกการใช้สารปรอทอย่างเป็นรูปธรรม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนควบคู่กับความพร้อมของภาคอุตสาหกรรม เพื่อมุ่งสู่ “สังคมปลอดปรอท” อย่างยั่งยืนและเป็นธรรม โดยในที่ประชุม คณะผู้แทนไทยได้แสดงท่าทีในที่ประชุมในประเด็นสำคัญ ดังนี้

1) คัดค้านข้อเสนอการยกเลิกการใช้อะมัลกัมทางทันตกรรม (Phase out) โดยเสนอให้คงแนวทาง “การลดการใช้” (Phase down) เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ สามารถดำเนินการได้ตามบริบทและความพร้อมของระบบสาธารณสุข

2) ยืนยันการห้ามใช้ปรอทในเครื่องสำอาง โดยประเทศไทยได้ออกกฎหมายกำหนดให้ “ปรอทเป็นวัตถุห้ามใช้” ในการผลิตเครื่องสำอางแล้ว

3) สนับสนุนการยุติการใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีปรอท ในการผลิตสารไวนิลคลอไรด์โมโนเมอร์ (VCM) โดยประเทศไทยได้ออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. 2568 ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานที่ใช้ปรอท หรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิต

4) เสนอขยายระยะเวลาข้อยกเว้น (Exemption Period) ออกไปอีก 5 ปี (จนถึงปี 2573) เพื่อให้สามารถดำเนินการยกเลิกการผลิต นำเข้า และส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท 6 รายการภายในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

สำหรับผลการประชุม ที่ประชุมมีมติข้อตัดสินใจที่สำคัญ ดังนี้

1) เห็นชอบให้ ยกเลิกการใช้อะมัลกัมทางทันตกรรม (Phase out) ภายในปี 2577 โดยอนุญาตให้ใช้เฉพาะกรณีจำเป็นตามดุลยพินิจของทันตแพทย์ 

2) สนับสนุนให้ประเทศภาคีที่ยังไม่มีกฎหมายภายในเกี่ยวกับเครื่องสำอางปรอท เร่งดำเนินการตามกลไกของอนุสัญญาฯ

3) ขอให้ประเทศภาคีที่ผลิตสาร VCM โดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีปรอท เร่งดำเนินการลดและยุติการใช้อย่างสิ้นเชิง 

4) เห็นชอบให้ ขยายระยะเวลาข้อยกเว้นเพิ่มเติมอีก 5 ปี สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอทจำนวน 6 รายการ ตามข้อเสนอของประเทศไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง