กทม. เปิดสายด่วน 1818 โทรฟรี แนะนำข้อมูลเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ “สมเด็จพระพันปีหลวง” “วัฒนธรรม” เชิญชวนจิตอาสาทำริบบิ้นแสดงความอาลัย

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) เปิดบริการ สายด่วน 1818 โทรฟรี ตั้งแต่เวลา 08.00 – 21.00 น. ของทุกวัน เพื่อให้ข้อมูลและประสานงาน อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

โดยบริการสายด่วน 1818 โทรฟรี เปิดให้ประชาชน สอบถามและขอคำแนะนำได้ทุกเรื่อง อาทิ

– วัน เวลา และขั้นตอนในการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

– คำแนะนำการแต่งกายที่เหมาะสม

– การเตรียมความพร้อมและข้อปฏิบัติในการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

– แนะนำการเดินทาง เส้นทางรถและเรือสาธารณะ จุดจอดรถใกล้เคียง

– เส้นทางและจุดให้บริการต่าง ๆ ภายในท้องสนามหลวง เช่น จุดบริการอาหาร ห้องน้ำ จุดบริการทางการแพทย์ จุดยืม-คืนเครื่องแต่งกาย

– การแจ้งความประสงค์นำอาหาร เครื่องดื่ม หรือสิ่งของมาบริจาค เพื่อให้บริการกับประชาชน

– การแจ้งความประสงค์รับการอำนวยความสะดวก เมื่อเดินทางมาเป็นหมู่คณะ

บริการสายด่วน 1818 เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่สะท้อนความพร้อมของกรุงเทพมหานครในการเป็นสื่อกลางเพื่อประสานงาน ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งความสะดวก ความปลอดภัยความเรียบร้อย และสมพระเกียรติ

เวลาการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทุกวัน เวลา 08.00 – 21.00 น. แบ่งเป็น 4 ช่วงเวลา ดังนี้

ช่วงที่ 1 เวลา 08.00 – 10.45 น.

ช่วงที่ 2 เวลา 12.00 – 16.45 น.

ช่วงที่ 3 เวลา 17.45 – 18.30 น.

ช่วงที่ 4 เวลา 19.45 – 21.00 น

กองบัญชาการตำรวจนครบาล แนะนำจุดจอดรถยนต์ส่วนตัว สำหรับเดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยสามารถจอดรถยนต์ (ไม่มีค่าใช้จ่าย) ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป ได้ที่

1. พื้นที่ผ่ากลางท้องสนามหลวง 500 คัน

2. ลาดจอดรถราชนาวีสโมสร ถ.มหาราช 150 คัน

3. ถนนราชินี 100 คัน

4. อาคารจอดรถ บางลำภู ถ.ไกรสีห์ 550 คัน

ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่โดยรอบบริเวณอย่างเต็มกำลัง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) สายด่วน 1197 ตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย กรมการศาสนา ได้จัดกิจกรรมจิตอาสาจัดทำ “ริบบิ้นสัญลักษณ์แสดงความอาลัย” เพื่อแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีต่อประเทศชาติและพสกนิกรชาวไทยในทุกด้าน ทั้งด้านศาสนา การศึกษา ศิลปาชีพ การพัฒนาคุณภาพชีวิต การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย และเปิดโอกาสให้ข้าราชการ บุคลากรกระทรวงวัฒนธรรม และภาคีเครือข่ายทางศาสนา ตลอดจนประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้ร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความกตัญญูกตเวที และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

โดยโครงการนี้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2569 ณ ห้องโถงชั้น 1 กระทรวงวัฒนธรรม ขอเชิญชวนจิตอาสา ร่วมกันประดิษฐ์ริบบิ้นสัญลักษณ์แสดงความอาลัย จำนวน 9,993 ชิ้น จัดทำจากวัสดุที่มีความหมายอันลึกซึ้ง โดยใช้ริบบิ้นผ้าสีดำและสีขาว ซึ่งสื่อถึงความอาลัยและความบริสุทธิ์แห่งความจงรักภักดี พร้อมตกแต่งด้วยไข่มุกและดอกไม้สีขาว เพื่อสื่อถึงความสง่างามและความเคารพสูงสุด เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วประเทศได้ติดริบบิ้นแสดงความอาลัยร่วมกัน ซึ่งริบบิ้นที่จัดทำมีหลายรูปแบบ เช่น แบบไขว้สีดำล้วน สื่อถึงความอาลัยอันสงบและเรียบง่าย แบบไขว้สองชั้น สีดำ–ขาวซ้อนกัน สื่อถึงความบริสุทธิ์แห่งความภักดี แบบประดับไข่มุกหรือดอกไม้สีขาว เป็นสัญลักษณ์แห่งความเคารพและเทิดทูน

ทั้งนี้ “ริบบิ้นสัญลักษณ์แสดงความอาลัย” หรือ Black Ribbon มีที่มาจากธรรมเนียมปฏิบัติของชาวตะวันตก ซึ่งเดิมนิยมสวมใส่ชุดสีดำทั้งชุดหรือปลอกแขนสีดำ เพื่อแสดงความไว้ทุกข์หรือไว้อาลัยแก่ผู้วายชนม์ ต่อมามีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับสภาพสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ปฏิบัติหน้าที่สวมเครื่องแบบ เช่น ทหาร ตำรวจ หรือข้าราชการ จึงได้ประดิษฐ์ “ริบบิ้นสีดำ” ขนาดเล็กไว้ประดับแทนชุดดำ เพื่อแสดงความอาลัยอย่างสุภาพ เรียบง่าย และสะดวกในการสวมใส่ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก

นอกจากนี้ กรมการศาสนา ยังเชิญชวนเครือข่ายทางศาสนา โรงเรียน และหน่วยงานภาคีเข้าร่วมประดิษฐ์ริบบิ้น เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล และส่งเสริมคุณธรรม “ความกตัญญู” และ “จิตอาสา” ให้เกิดขึ้นในทุกภาคส่วนของสังคม

โดยเริ่มแจกจ่ายริบบิ้นครั้งแรกให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ “Journey to the Mind เพิ่มพลังบุญ พลังชีวิตและศักยภาพ” เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ณ โรงแรม Swissotel Bangkok Ratchada และจะขยายผลแจกจ่ายต่อไปยังพื้นที่ที่มีประชาชนสัญจรจำนวนมาก เช่น สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์การค้า มณฑลพิธีท้องสนามหลวง หน่วยงานราชการ รวมทั้งสถานศึกษา กิจกรรมนี้นอกจากเป็นการแสดงความอาลัยถวายอย่างสมพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการรวมพลังแห่งความดีของคนไทยทุกหมู่เหล่า เพื่อสืบสานแนวพระราชดำริเรื่องการทำความดีด้วยหัวใจ และขับเคลื่อนคุณธรรมให้เป็นวิถีชีวิตของคนไทย ตามแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566–2570) อย่างยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง