นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมติดตามและบริหารจัดการสถานการณ์น้ำ ว่า ได้มีการประเมินสถานการณ์ ซึ่งมีความน่าเป็นห่วงและตัวเลขการระบายน้ำที่ประเมินไว้คือ 90 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่การระบายของเขื่อนภูมิพลมีเพียงแค่ 45-48 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน นั่นหมายความว่าเกินภูมิพลจะต้องรับน้ำสะสมประมาณ 40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่ความจุของเขื่อนอยู่ที่ประมาณ 100 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร ถ้าปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปอีกสามวัน เขื่อนภูมิพลก็จะเต็ม นับจากวันนี้เหลือแค่สองวัน เมื่อเขื่อนเต็มก็ต้องระบายน้ำเพิ่ม ขึ้นเป็น 50-55 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อป้องกันไม่ให้เขื่อนเต็ม
ดังนั้น ระดับน้ำของแม่น้ำปิงลงมาถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ต้องสูงขึ้นตามอัตโนมัติ ซึ่งขณะนี้กรมชลประทานระบายน้ำอยู่ที่ 2,800 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ต้องหาวิธีการระบายน้ำเพิ่ม พร้อมทั้งต้องหาทางแก้ไข โดยใช้เขื่อนสิริกิติ์ เพราะปริมาณน้ำเข้าเขื่อนไม่มากเท่าเขื่อนภูมิพล สามารถลดการระบายน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ได้ โดยลดวันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ลดน้อยหรือน้อยกว่านั้นทำให้การเติมน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาลดน้อยลงได้
นอกจากนี้ กรมชลประทานรับปากว่าจะระบายน้ำออก ทั้งทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกเพิ่มขึ้น ซึ่งเดิมระบายอยู่ที่ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะระบายเป็น 600-650 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อให้เพียงพอต่อปริมาณของเขื่อนภูมิพล เมื่อเป็นเช่นนั้นปริมาณน้ำที่ระดับแม่น้ำเจ้าพระยา ก็จะคงอยู่ที่ปริมาณเดิมได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อมาคือพื้นที่ฝั่งตะวันตกและตะวันออกที่จะต้องรับน้ำเพิ่ม อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง จึงได้กำชับว่าการเอาน้ำเข้าทุ่ง ควรระบายน้ำเข้าไปในปริมาณที่พอสมควร ไม่ให้ประชาชนต้องได้รับผลกระทบ
สำหรับมาตรการในการเยียวยา ที่ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสำรวจเพิ่มเติมมานั้น ก็จะมีการอนุมัติเพิ่มเป็นรอบ เพื่อไม่ให้ล่าช้า ส่วนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในช่วงหน้าฝน ก็ได้รับเงินเยียวยาไปเรียบร้อยแล้วและกำลังดูมาตรการเพิ่มเติมสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบยาวนาน สองหรือที่เรียกว่าอยู่ในน้ำยาวนาน 2-3 เดือน นายกฯ มีแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติมอยู่แล้ว รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือเกี่ยวกับการดีดบ้านที่อยู่ระหว่างการพิจารณา








