นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำหลากอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธ์รัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ที่มารอให้การต้อนรับ
โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขออภัยประชาชนที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในครั้งนี้ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะทำทุกวิถีทางในการบริหารจัดการสถานการณ์ให้ดีที่สุด “เราไม่สามารถโทษธรรมชาติอย่างเดียวได้ เพราะในฐานะรัฐบาล ต้องมีความรับผิดชอบต่อการบริหารสถานการณ์ให้กับประชาชนอย่างเต็มที่” ปัญหาน้ำท่วมเป็นเรื่องที่เกิดซ้ำซากและสร้างความทุกข์เรื้อรังให้กับประชาชน โดยรัฐบาลได้รับฟังเสียงสะท้อนจากชาวบ้านมาโดยตลอด และจะพยายามเร่งระบายน้ำให้เร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมยืนยันว่า “รัฐบาลได้ยินทุกคำพูดของประชาชน และจะหาทางช่วยเหลือทุกวิถีทางที่ทำได้ พร้อมทั้งได้ให้นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดูแลประชาชน สามารถ “Work From Angthong” ได้ เพื่อไม่ทอดทิ้งประชาชน เว้นแต่ในวันที่มีภารกิจสำคัญ เช่น การประชุมคณะรัฐมนตรีและกลับมาดูแลพื้นที่โดยเร็ว สำหรับการเยียวยา รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบภัย ครัวเรือนละ 9,000 บาท โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “เงินเท่าไรก็ไม่สามารถทดแทนความสูญเสียได้ เพราะสิ่งที่ทุกคนต้องการคือการกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ” พร้อมขอบคุณชาวนาและชาวไร่ที่ยอมเสียสละพื้นที่ทำกินให้เป็นพื้นที่รับน้ำ ปกป้องเขตเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจไม่ให้ได้รับผลกระทบ “ผมจะใช้อำนาจของความเป็นนายกรัฐมนตรี หาเงินมาทดแทนให้กับพี่น้องชาวนาชาวไร่ที่สละพื้นที่ให้เป็นพื้นที่รับน้ำ จะเอางบประมาณที่กำกับดูแล มาดูแลรายเดือนจนกว่าสถานการณ์น้ำจะหมดไป เพราะถือว่าเป็นเวลากว่า 5 เดือนแล้ว เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเยียวยา โดยจะมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเร่งเสนอเรื่องต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ได้รับการอนุมัติโดยเร็ว” พร้อมระบุว่าการช่วยเหลือนี้จะครอบคลุมทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ไม่เฉพาะแต่จังหวัดอ่างทองเท่านั้น ในส่วนของการบรรเทาความเดือดร้อน นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งการจัดหาที่พักชั่วคราว อาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้ในช่วงที่ประสบภัย โดยได้สอบถามประชาชนในพื้นที่ว่า “ใครที่ยังไม่ได้รับสิทธิโครงการ
คนละครึ่ง พลัส ในเฟสแรกบ้าง” เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและแก้ไขปัญหาผู้ที่ตกหล่นจากการได้รับสิทธิ สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับสิทธิในโครงการคนละครึ่ง พลัส เฟสแรก รัฐบาลจะเปิดให้เข้าร่วมเฟสที่ 2 ในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงสิทธิได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม พร้อมย้ำว่า “รัฐบาลต้องการให้เดือนธันวาคมเป็นเดือนแห่งความสุข เป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวได้กลับมาเยี่ยมเยียนกันในเทศกาลปีใหม่” นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบเกียรติบัตรให้กับจิตอาสาจำนวน 7 ราย เพื่อเชิดชูเกียรติในความเสียสละและความร่วมมือในการช่วยเหลือประชาชนในช่วงสถานการณ์น้ำท่วม ถือเป็นแบบอย่างของการมีจิตสาธารณะ และมอบถุงยังชีพจำนวน 1,500 ชุด ให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย
จากนั้นได้เดินทางลงพื้นที่ต่อที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยนายกรัฐมนตรี ได้รับฟังปัญหาและพบปะประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่วัดบันไดช้าง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยได้รับข้อเรียกร้องจากประชาชนในพื้นที่ให้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมขอให้เร่งระบายน้ำและการบริหารจัดการน้ำในระยะยาว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับปากและได้มอบถุงยังชีพให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยที่พายเรือออกมารับ จากนั้นได้ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัย และมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ วัดท่าดินแดง ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และได้กล่าวว่า วันนี้ต้องลงมาดูพื้นที่ด้วยตัวเองเพื่อให้รับรู้ถึงปัญหา เพื่อนำไปวางแผนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ แม้ว่ารัฐบาลเพิ่งเข้ามาแต่ต้องหาวิธีช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในระยะสั้นก่อนให้มากที่สุด นี่คือ สิ่งที่รัฐบาลจะดูแลบรรเทาทุกข์ให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยอยู่ในขณะนี้ขอบคุณประชาชนที่เสียสละพื้นที่ของตนเป็นพื้นที่รับน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำเหล่านี้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับพื้นที่เศรษฐกิจ ดังนั้นต้องรีบช่วยเหลือให้เร็วที่สุด โดยการเร่งระบายน้ำไปทางทิศตะวันออก และเมื่อฝนเริ่มหมด น้ำน่าจะลดลงในเร็วๆ นี้ และจะพยายามไม่ให้มีอะไรมาซ้ำเติมประชาชนอีก วันนี้รัฐบาลหนีความรับผิดชอบไม่พ้น ได้สั่งการให้นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในการช่วยเหลือชีวิตและความปลอดภัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และผู้สูงอายุ ต้องสื่อสารข้อมูล การเปิด-ปิดประตูระบายน้ำ ปริมาณการระบายน้ำ ให้ประชาชนและฝ่ายปกครองในพื้นที่ทราบอย่างชัดเจน เป็นรายชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนมีเวลาเตรียมตัว และร่วมกันทำงานกับรัฐมนตรีที่มอบหมาย โดยจะมีการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติม นอกเหนือจากที่ได้ช่วยเหลือไปแล้ว ทั้งนี้ จะดูแลเป็นรายเดือน และจะเร่งอนุมัติงบประมาณในส่วนนี้เพื่อช่วยลดความเดือดร้อน ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วนและจำเป็นอย่างยิ่ง ช่วยประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่รัฐบาลจะทำได้ และจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นต้องมีการประชุมเร่งด่วนเพื่อหาทางออก ที่ไม่ใช่แค่การบรรเทา แต่คือการแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างเป็นระบบให้กับประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ต้องรับมือกับมวลน้ำที่หลากมาอย่างหนักหน่วง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า ได้เห็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การระบายน้ำให้พ้นไปจากเขตจังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา ให้มากที่สุด ตอนที่นั่งเฮลิคอปเตอร์เห็นว่าสามารถระบายไปได้เพิ่มโดยเฉพาะทางด้านตะวันออก โดยจะให้ สทนช. เร่งประสานกับทางกรมชลประทานต่อไป ถือเป็นข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกหน่วยต้องปฏิบัติตาม และจะพยายามจัดสรรงบประมาณให้ได้มากที่สุดมาทดแทนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยจะดูเป็นรายเดือน ไม่ใช่ระบบเหมาจ่าย ตามความเดือดร้อนของแต่ละพื้นที่ ทั้งในพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชน ซึ่งในรายละเอียดได้มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปหาแนวทางและเร่งนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ
สำหรับการระบายน้ำจะพยายามอย่างเต็มที่ไม่ให้เกิน 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และรัฐบาลจะเร่งอนุมัติโครงการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว ในปีๆ หนึ่งต้องจ่ายค่าชดเชยเยียวยาประชาชนจากอุทกภัย ทั่วประเทศประมาณ 3 – 4 หมื่นล้านบาท จ่ายมาหลายปีติดต่อกัน เป็นเงินกว่าแสนล้านบาท ยังมีความมั่นใจว่า หากบริหารจัดการเอาเงินงบประมาณจำนวนนี้ที่ได้ไปชดเชย ซึ่งสิ่งที่ชดเชยไปประชาชนได้ไปเยียวยาแต่ก็ไม่ได้แก้ปัญหาระยะยาว โดยมีโครงการดี ๆ มากมายที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศจะเร่งอนุมัติ เช่น โครงการคลองระบายน้ำหลากป่าสัก-อ่าวไทย เป็นแม่น้ำเจ้าพระยาอีกเส้นหนึ่งได้ สามารถผันน้ำและระบายน้ำได้อีกเท่าตัว หากโครงการนี้และโครงการอื่น ๆ สำเร็จก็จะเป็นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ การผันทางน้ำ การขุดคลองชลประทานต่างๆ ถ้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเสนอขึ้นมาจะเร่งอนุมัติให้ได้ก่อนที่จะยุบสภา ซึ่งถ้าอนุมัติงบประมาณโครงการแล้วสามารถเร่งดำเนินการได้เต็มที่ อะไรที่ทำแล้วประเทศได้ประโยชน์ในระยะยาว ประชาชนไม่เดือดร้อน ถือเป็น Mega Project สำหรับนายกรัฐมนตรีแล้ว
นอกจากนี้ กองทัพบก ยังได้จัดกำลังพลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบการเหตุอุทกภัย ทั้งการวางกระสอบทรายสร้างพนังกั้นน้ำเสริมความแข็งแรง เพื่อป้องกันมวลน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ อ.ไชโย จ.อ่างทอง อ.เมืองสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี และวางกระสอบทรายเป็นทางเดินเชื่อมต่อระหว่างอาคาร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับครูและนักเรียนใช้ในการเดินทางในพื้นที่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจนทะลักเข้าท่วมพื้นที่โรงเรียน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำเหนือ และน้ำทะเลหนุนสูงพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่าสถานการณ์น้ำหนุนเดือนนี้ไม่น่าห่วงแล้ว เนื่องจากผ่านวันที่มีน้ำหนุนสูงสุดไปแล้ว ซึ่งจะมีน้ำหนุนขึ้นสูงสุดอีกครั้งวันที่ 20 ธ.ค. 68 แต่ไม่สูงมาก สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำเหนือที่น่าจะบรรเทาลง และถ้าไม่มีพายุลูกใหม่เข้ามา สถานการณ์จะคลี่คลายขึ้น ที่ผ่านมา กทม. ได้ปรับปรุงโครงสร้างประตูระบายน้ำที่เคยมีปัญหาในปี 2554 ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ทำให้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร ไม่น่าเกิดขึ้นแบบปี 2554 แต่ที่น่าห่วงคือชุมชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ ปัจจุบันมี 11 ชุมชน 320 หลังคาเรือน ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามระดับน้ำต่อเนื่อง พร้อมจัดจุดอพยพชั่วคราว เครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ และแนวทางช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีน้ำเอ่อล้นเข้าพื้นที่ พร้อมประสานหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน รวมทั้งจัดโครงการฟื้นฟูชุมชนหลังน้ำลด ส่วนเรื่องแนวกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมล้ม ซึ่งเกิดจากปัญหาเรือแล่นเร็วทำให้เกิดคลื่นสูงมากระแทกแนวกระสอบทรายล้ม ได้ประสาน
กรมเจ้าท่าจัดเจ้าหน้าที่ประจำตามจุดสำคัญ คอยปรามผู้ที่ขับเรือเร็วทำให้เกิดคลื่นสูง








