นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) นายพรวิช ศิลาอ่อน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และนายนิวัฒน์ หาญสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส เข้าหารือกับ Mr. Royce A. Nicolaisen CEO บริษัท Otis McAllister, Inc. ผู้นำเข้าข้าวไทยรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ณ โรงแรม Sofitel Los Angeles at Beverly Hills
การหารือมุ่งเน้นการขยายตลาดข้าวไทยในสหรัฐฯ ทั้งข้าวหอมมะลิไทยและข้าวชนิดอื่นที่มีศักยภาพ ตลอดจนการรับมือมาตรการภาษีสหรัฐฯ ที่ส่งผลต่อต้นทุนการนำเข้า – โลจิสติกส์ และความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดอเมริกา พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลความต้องการของตลาดและสิ่งที่บริษัทต้องการให้ภาครัฐไทยสนับสนุนเพิ่มเติม
นางศุภจี ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์พร้อมร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อลดผลกระทบจากภาษีและในเรื่องของข้าว กระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับ RICE HUB นำข้อมูลรสชาติ คุณลักษณะและเรื่องราวของข้าวไทยมาช่วยผลักดันสินค้า เพิ่มคุณค่าให้ข้าวและนำเสนอความหลากหลายของพันธุ์ข้าวไทย
โลกกำลังเผชิญความไม่แน่นอนจากภูมิอากาศและภูมิรัฐศาสตร์ ไทยจึงต้องผลักดันตนเองสู่การเป็น Food Security Hub ที่จะขายความมั่นคงทางอาหาร ไม่ใช่เพียงขายวัตถุดิบ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลก
พร้อมกันนี้ นางศุภจี ยังได้สอบถามผลกระทบจาก Tariff โดยตรง พร้อมขอคำแนะนำจากบริษัท เพื่อนำไปประกอบการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ไทยกำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชิญ Mr. Royce A. Nicolaisen เดินทางมาไทยช่วงมกราคม–กุมภาพันธ์ 2569 เพื่อร่วมงานเจรจาการค้าภายใต้กิจกรรม Exclusive Incoming Mission เพื่อเพิ่มปริมาณการซื้อขายและสร้างคู่ค้าใหม่สำหรับทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้ บริษัท Otis McAllister รายงานว่า ปี 2567 เป็นปีที่บริษัทมีการนำเข้าข้าวไทย สูงที่สุด ปริมาณรวม 118,000 ตัน มูลค่ากว่า 151 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบริษัทมีเครือข่ายจำหน่ายกว้างขวาง ทั้งห้าง Mainstream ชั้นนำ ค้าส่งรายใหญ่ และ Foodservice ทั่วสหรัฐฯ รวมถึงซูเปอร์มาร์เก็ตเอเชียและฮิสแปนิก ปัจจุบันสินค้า ปลากระป๋องจากไทย ซึ่ง Otis นำเข้า ก็เติบโตโดดเด่นเช่นกัน ขณะเดียวกันไทยยังมีศักยภาพเพิ่มขึ้นในสินค้า สับปะรดและผลไม้เมืองร้อนอบแห้ง ซึ่งตลาดกำลังต้องการมากขึ้น ซึ่งทางบริษัทขอบคุณสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ที่ให้ความร่วมมืออย่างดีในการขยายตลาดสินค้าไทย
ทาง Otis พร้อมร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ทำกิจกรรมส่งเสริมข้าวไทย เช่น สร้างคอนเทนต์บน YouTube และ TikTok ใช้ เซฟชื่อดังและอินฟลูเอนเซอร์ ทำเมนูจากข้าวไทย และจัดกิจกรรมในร้านอาหารและจุดขาย เพื่อเพิ่มการรับรู้และความนิยมในหมู่ผู้บริโภครุ่นใหม่ นางศุภจี ยังได้เชิญ Otis ร่วมกิจกรรมส่งเสริมอาหารไทย เช่น Thai Fruits: Taste of Thailand และ Thai SELECT เพื่อยกระดับภาพลักษณ์อาหารไทย
นอกจากนี้ ปัจจุบันผู้บริโภคชาวฮิสแปนิกในสหรัฐฯ ที่มีจำนวนกว่า 68 ล้านคน มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น โดยหันมาบริโภคสินค้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับจุดแข็งของสินค้าไทย โดยเฉพาะข้าว สมุนไพรและอาหารแปรรูปคุณภาพสูง ทำให้ไทยมีโอกาสขยายตลาดในกลุ่มนี้อย่างมาก








