นายนิรันดร์ มูลธิดา อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สหกรณ์ในหลายพื้นที่ได้พร้อมใจกันเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกนาปีจากเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิของประเทศ ซึ่งจากการสำรวจพบว่าราคาข้าวในหลายจังหวัดขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยอยู่ที่ 12.50 – 13.80 บาทต่อกิโลกรัม เป็นราคาที่สหกรณ์รับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิใหม่(สด) โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการรับซื้อผลผลิตในราคายุติธรรมและนำตลาด เช่นที่ สหกรณ์การเกษตรกุดชุม จำกัด จังหวัดยโสธร จัดโครงการตลาดนัดข้าวเปลือกและประกาศรับซื้อข้าวจากเกษตรกรในราคานำตลาด ตันละ 100 – 200 บาทขึ้นไป ขณะที่สหกรณ์การเกษตรเพื่อตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ร้อยเอ็ด จำกัด ก็ได้รับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิสดความชื้นร้อยละ 25 ราคา 13.80 บวกค่าจอดอีก 200 บาทต่อตัน
สำหรับแผนการดำเนินโครงการตามมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2568/69 นี้ สหกรณ์การเกษตรและกลุ่มเกษตรกร จำนวน 428 แห่ง ในพื้นที่ 57 จังหวัด มีแผนในการรวบรวมข้าวเปลือก จำนวน 4 ล้านตัน และมีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 วงเงิน 12,000 ล้านบาท จำนวน 133 แห่ง ในพื้นที่ 37 จังหวัด ส่วนโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2568/69 วงเงิน 28,000 ล้านบาท (เงินทุน ธ.ก.ส. 10,000 ล้านบาทและเงินทุนของสหกรณ์ 18,000 ล้านบาท) มีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการ 295 แห่ง ในพื้นที่ 57 จังหวัด และมีสหกรณ์ส่วนหนึ่งใช้เงินทุนของสหกรณ์เองและขอกู้เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวน 2,611.57 ล้านบาท
ผลการรวบรวมข้าวเปลือกนาปีจนถึงขณะนี้ มีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร จำนวน 249 แห่ง ในพื้นที่ 44จังหวัด เปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกไปแล้ว 499,337.03 ตัน มูลค่า 4,529.61 ล้านบาท แบ่งเป็น ข้าวหอมมะลิ 254,152.66 ตัน ข้าวหอมจังหวัด 5,950.09 ตัน ข้าวหอมปทุม 35,653.75 ตัน ข้าวขาว 107,384.15 ตัน ข้าวเหนียว 94,491.29ตัน และข้าวพื้นเมือง 1,705.09 ตัน และสหกรณ์การเกษตรจะยังคงเปิดจุดรับซื้อข้าวจากเกษตรกรอย่างต่อเนื่องจนสิ้นสุดฤดูกาล








