นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้ความเห็น หากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรียุบสภาฯ ไม่ได้ ว่า ความจริงแล้ว ประธานสภาฯ มีความชำนาญและเป็นประธานสภามาหลายครั้ง เมื่อครั้งที่มีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีปัญหาญัตติไม่ถูกต้อง เพราะพาดพิงถึงบุคคลภายนอก ก็ไม่ยอมและไม่บรรจุญัตติ
ซึ่งในทางปฏิบัติข้อบังคับการประชุมสภาเขียนไว้ชัดเจน ว่า เมื่อประธานสภาได้รับญัตติไม่ไว้วางใจแล้วให้ทำการตรวจสอบ หากมีข้อบกพร่อง ให้แจ้งให้ผู้เสนอทราบภายใน 7 วัน ก่อนบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องด่วนและแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ ซึ่งแปลว่า ต้องมีการตรวจสอบว่าญัตติขอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจครบถ้วนถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งปฏิบัติกันมาต่อเนื่องจนรัฐบาลที่แล้ว แต่รัฐบาลนี้กลับบอกว่า ทำไม่ได้ จึงมองว่าไม่ถูกต้อง เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ในมาตรา 151 วรรค 2 ว่า เมื่อมีการเสนอญัตติ จะยุบสภาไม่ได้ เว้นแต่จะมีถอนญัตติ หรือการลงมติได้คะแนนเสียงไม่เกินกึ่งหนึ่ง
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความสมดุลในอำนาจการอภิปรายไม่ไว้วางใจในการตรวจสอบรัฐบาลของสภาผู้แทนราษฎรและอำนาจของฝ่ายบริหารในการถ่วงดุลสภาด้วยการยุบสภา และบทบัญญัตินี้ถูกเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันด้วย แต่ปัญหาขณะนี้คือ การห้ามรัฐบาลยุบสภา เพราะการยื่นญัตติไม่ไว้วางใจจะเริ่มและสิ้นสุดเมื่อใด หากดูแค่ตัวหนังสือที่ใช้คำว่า เมื่อมีการยื่นญัตติแล้วจะยุบสภาไม่ได้ ซึ่งการตีความแบบนี้เป็นการตีความง่าย
ดังนั้น ต้องอ่านให้จบวรรค เนื่องจากมีการห้ามยุบสภา เว้นแต่จะมีการถอนญัตติ หรือการลงมติได้คะแนนเสียงไม่เกินกึ่งหนึ่ง จะเข้าใจได้ถูกต้อง ว่าจะห้ามยุบสภาก็ต่อเมื่อญัตติที่ยื่นนั้น ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ บรรจุในวาระและแจ้งให้นายกรัฐมนตรีรับทราบตามข้อบังคับการประชุม
หมายความว่า เมื่อมีการยื่นญัตติ ต้องตรวจสอบความถูกต้อง บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องด่วนและแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ ซึ่งการให้แจ้งนายกรัฐมนตรีนั้น เพื่อเป็นการบอก ว่า อำนาจการยุบสภาหมดแล้วและให้เตรียมตัวมารับการอภิปราย ดังนั้น การยื่นญัตติโดยที่ยังไม่ตรวจสอบ แล้วแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ อาจทำให้ประธานสภาทำผิดข้อบังคับ
แต่หากตรวจสอบความถูกต้อง และแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว ข้อห้ามไม่ให้นายกรัฐมนตรียุบสภาจะเริ่มนับตั้งแต่บัดนั้น ไม่ใช่นับเวลาในวันที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ ดังนั้น หากดูแค่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ไม่ไปดูข้อบังคับการประชุมสภา ต่อไปจะอาศัยการยื่นญัตติที่ไม่สมบูรณ์ จะทำให้อำนาจการยุบสภานั้นเสื่อมเสียไปทันทีและจะทำให้ระบบรัฐสภาปั่นป่วน จึงเห็นว่า สิ่งที่ประธานสภา ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือและยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอดจนถึงรัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ก็ต้องทำต่อ จะเปลี่ยนการตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ตีความตามที่เคยทำมาเป็นการตีความที่ชอบแล้ว พร้อมตั้งข้อสังเกต ว่า การที่ฝ่ายกฎหมายมาเสนอให้ประธานสภาครั้งนี้ก็ดูแปลก








