กรมทรัพย์สินทางปัญญา รายงานสถิติการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างเดือนมกราคม – ตุลาคม 2568 มียอดรวม 62,961 คำขอ เพิ่มขึ้น 7.80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 58,403 คำขอ สะท้อนการเติบโตของภาคธุรกิจ นวัตกรรม และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย
เครื่องหมายการค้า
มีการยื่น 46,525 คำขอ เพิ่มขึ้น 9.25% โดยหมวดที่มีการขอคุ้มครองมากที่สุด ได้แก่ บริการด้านการขายและการตลาด รวมถึงสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและความงาม สัดส่วนผู้ยื่นคำขอเป็นคนไทย 52% ต่างชาติ 48% โดยผู้ยื่นมากที่สุดคือบริษัท ป๊อปมาร์ท (สิงคโปร์) รวม 236 คำขอ
สิทธิบัตรการประดิษฐ์
มีการยื่น 6,929 คำขอ เพิ่มขึ้น 2.76% นวัตกรรมที่นิยมยื่นขอคุ้มครองสูงสุด คือ “วัสดุเหล็กกล้า” ซึ่งครองอันดับ 1 เป็นปีที่สอง รองลงมาคือเทคโนโลยีแอนติบอดี้ และยาชีววัตถุ สะท้อนความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมวัสดุและเทคโนโลยีชีวภาพ
สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์
มียื่น 5,442 คำขอ ลดลง 2.29% โดยผลงานที่ยื่นมากที่สุด ได้แก่ ลวดลายผ้า เครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์
อนุสิทธิบัตร
รวม 4,065 คำขอ เพิ่มขึ้น 15.94% โดยนวัตกรรมด้าน “อาหารและเครื่องดื่ม” ยังคงเป็นประเภทที่ยื่นมากที่สุด รองลงมาคือกลุ่มยาสมุนไพร
ลิขสิทธิ์
มีการแจ้งข้อมูล 11,531 ผลงาน ลดลง 11.81% ส่วนใหญ่เป็นผลงานด้านศิลปกรรม และวรรณกรรม
อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม ระบุว่า ภาพรวมการจดทะเบียนที่เติบโตขึ้น มาจากการพัฒนาประสิทธิภาพระบบบริการ พร้อมยกระดับขั้นตอนด้วยเทคโนโลยี และขยายบริการแบบ Fast Track เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงการคุ้มครองได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะในสาขานวัตกรรมที่ต้องการใช้เอกสารอย่างเร่งด่วน
ปัจจุบัน Fast Track สามารถลดระยะเวลาการจดทะเบียนได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น
• สิทธิบัตรการประดิษฐ์ จาก 38.5 เดือน เหลือ 12 เดือน
• อนุสิทธิบัตร จาก 12 เดือน เหลือ 6 เดือน
• เครื่องหมายการค้า กรณีต้องใช้กับหน่วยงานรัฐ จาก 10.5 เดือน เหลือ 3 เดือน
ทั้งนี้ได้เตรียมขยายช่องทาง Fast Track ไปยังสาขานวัตกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการและสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยในอนาคต








