ปฏิรูปกฎหมายด้านการเกษตรครั้งใหญ่ ยกระดับศักยภาพการแข่งขันของไทยในตลาดโลก

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า ได้กำหนดให้มีปรับปรุงกฎหมายและระเบียบของทางราชการที่ไม่คล่องตัวและเป็นอุปสรรคต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการและการส่งออก โดยให้เร่งดำเนินการเป็นวาระเร่งด่วนของประเทศ โดยเน้นว่า “กฎหมายต้องไม่เป็นภาระ แต่ต้องเป็นเครื่องมือพาประเทศเดินหน้า” จึงได้มอบหมายให้ นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่กำกับยุทธศาสตร์ พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวแล้ว และจะเร่งดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายทุกประเด็นให้เกิดผล ซึ่งมุ่งเน้นการปฏิรูปทั้งระบบ

โดยในด้านพืช จะมีการทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และลดภาระที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ส่งออกและการค้าปัจจุบัน ปรับบทกำหนดโทษให้เหมาะสม และเปิดกว้างการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ส่งออกสินค้าเกษตร เพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น และลดอุปสรรคต่อโอกาสของสินค้าไทยในตลาดโลก

ด้านการประมง มุ่งสร้างระบบที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ อาทิ หลักเกณฑ์รับรองสัตว์น้ำจากเทคโนโลยีจีโนม มาตรการลดต้นทุนอาหารสัตว์น้ำ มาตรฐานน้ำแข็งเพื่อการประมงที่เป็นหนึ่งเดียวทั้งประเทศ ระบบป้องกันการปลอมแปลงเอกสารและการสวมสิทธิ ซึ่งจะเป็นแนวทางช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นจากประเทศคู่ค้า และยกระดับอุตสาหกรรมประมงไทยให้พร้อมแข่งขันในเวทีสากลอย่างยั่งยืน

ด้านปศุสัตว์ จะมุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานด้วยระบบใบรับรองสุขภาพสัตว์อิเล็กทรอนิกส์ (e-AH Certificate) นิยามอาหารสุกที่ชัดเจน และ Health Certificate สำหรับสัตว์พิเศษ รองรับการค้าโลกที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งจะช่วยให้การส่งออกสินค้าปศุสัตว์เป็นไปอย่างสะดวก โปร่งใส ลดความล่าช้าและเพิ่มความเชื่อมั่นของประเทศผู้นำเข้า

สำหรับมาตรการทางยุทธศาสตร์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะให้ความสำคัญในการเตรียมเกษตรกรเข้าสู่ยุคแข่งขันใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบผู้ให้บริการภาคการเกษตร (ASP) ที่จะต้องจัดทำกรอบและมาตรฐานรองรับภาคธุรกิจผู้ให้บริการเกษตรแบบครบวงจร เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงเทคโนโลยี เครื่องจักร และบริการที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม เพื่อยกระดับเกษตรไทยสู่ Smart Farming และ มาตรการรองรับกฎหมาย EUDR ของสหภาพยุโรป เพื่อรักษาตลาดยุโรปซึ่งมีมูลค่าการค้าสูง ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตรระดับชาติ การใช้ดาวเทียมและ AI เพื่อตรวจสอบพื้นที่เสี่ยง และการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลางและบริการแบบ One-stop Service เพื่อให้ประเทศไทยได้รับการประเมินเป็น “ประเทศความเสี่ยงต่ำ” และรักษาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวอีกด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง