นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากและทำให้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 21 พ.ย. 68 เวลา 18.00 น.) มีสถานการณ์อุทกภัยจากฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา และปัตตานี ประชาชนได้รับผลกระทบ 151,529 ครัวเรือน 422,746 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ภาคใต้เร่งส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยลงพื้นที่เพื่อสนับสนุนจังหวัดในการปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน นอกจากนี้ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยจากน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี สิงห์บุรี ชัยนาท อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม และอุบลราชธานี จำนวน 53 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ 134,210 ครัวเรือน 467,377 คน ปภ. ยังคงติดตามสถานการณ์และสนับสนุนทรัพยากรเครื่องจักรกลสาธารณภัยช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้และการให้ความช่วยเหลือในจังหวัดต่างๆ โดย สำนักงานประชาสัมพันธ์ที่ 6 มีดังนี้
1. จังหวัดพัทลุง พื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 11 อำเภอ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 37,951 คน 17,717 ครัวเรือน ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยฉุกเฉิน จำนวน 3 อำเภอ ได้แก่ กงหรา เมืองพัทลุง และเขาชัยสน
ความเสียหาย อาคารสิ่งก่อสร้าง บ้านพักอาศัย 234 หลัง ถนน 260 แห่ง สะพาน 1 แห่ง พืชไร่ 340 ไร่ นาข้าว 2,950 ไร่ พืชสวน 14,137 บ่อปลา 8 บ่อ สัตว์เลี้ยง 10,969 ตัว
การให้ความช่วยเหลือ นายสุจินต์ วาจากิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม และให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่ ต.ตำนาน อ.เมือง จ.พัทลุง พร้อมทั้ง ตรวจสอบระดับน้ำ และรับฟังปัญหาจากชาวบ้านโดยตรง ซึ่งชาวบ้านระบุว่า พื้นที่ ต.ตำนาน เป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก แต่ปีนี้น้ำมาเร็วกว่าปกติซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน ระดับน้ำเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีฝนตกหนักซ้ำคาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายใน 1–2 วันนี้ และได้ขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วน ที่ร่วมแรงร่วมใจดูแลประชาชน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนให้ได้มากที่สุด พร้อมยืนยันว่า จังหวัดพัทลุงจะบูรณาการความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ได้ฝากเตือนไปยังผู้ปกครอง ให้ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ห้ามปล่อยให้ลงเล่นน้ำในช่วงนี้ เนื่องจากเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจมน้ำ
นายมณฑล เลาหภักดี ปศุสัตว์จังหวัดพัทลุง ระบุว่า ขณะนี้เกิดฝนตกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะหลังจากนี้มวลน้ำจะไหลลงสู่พื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่รองรับน้ำ และจะทำให้เกิดน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลานาน จึงฝากเตือนไปยังประชาชนเกษตรกร ผู้เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่เคลื่อนย้ายสัตว์ขึ้นที่สูง ส่วนเกษรกรที่เลี้ยง โค-กระบือ ให้เตรียมเสบียงอาหาร ยา และเวชภัณฑ์ ให้พร้อม ซึ่งในส่วนของสำนักงานปศุสัตว์ จ.พัทลุง ได้เตรียมหญ้าแห้ง ยา และเวชภัณฑ์ เพื่อแจกจ่ายเกษตรกร ส่วนในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ชื้นแฉะ ขอให้เฝ้าระวังเรื่องโรคระบาดสัตว์ สำหรับเกษตรกรที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนสัตว์ ขอให้ไปขึ้นทะเบียนโดยด่วน ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอทุกแห่ง เพื่อที่จะสามารถรับความช่วยเหลือจากทางราชการได้
นายทวี ชูช่วย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง แจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังโรคระบาด และโรคที่มักเกิดในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะ โรคไข้เลือดออก โรคตาแดง โรคน้ำกัดเท้า โรคระบบทางเดินหายใจหรือหวัด โรคท้องร่วง และโรคฉี่หนู ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ซึ่งเกิดกับคนที่มีบาดแผลบริเวณเท้า และเดินลุยน้ำ หรือแช่น้ำที่มีเชื้อโรคอยู่
2. จังหวัดสงขลา พื้นที่ประสบภัยรวม 7 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ 17,886 ครัวเรือน ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน แล้ว 3 อำเภอ ได้แก่ อ.รัตภูมิ ระโนด และหาดใหญ่ และจะทยอยประกาศอีกหลายอำเภอ ซึ่งอยู่ในขั้นของการตรวจสอบ
ความเสียหาย บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 1 หลัง และเสียหายบางส่วน 3 หลัง รพสต. 1 แห่ง และถนนได้รับผลกระทบ 6 สาย
การให้ความช่วยเหลือ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาระโนด–กระแสสินธุ์ ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ 7 ตัว เครื่องไฟฟ้าติดตั้งประจำ 12 ตัว โดยได้จัดเตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น รถบรรทุกสูงสำหรับรับส่งประชาชนในจุดที่น้ำท่วมลึก และเรือท้องแบนเพื่อช่วยขนย้ายผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ป่วยที่ไม่สามารถเดินทางด้วยรถทั่วไปได้
นายประสิทธิ์ สถิรวณิชย์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง ได้สั่งการและกำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง และเร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลายน้ำ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำป่าที่ไหลลงมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ คือ ต.ทุ่งตำเสา โดยมวลน้ำทั้งหมดนี้จะไหลมาบรรจบกันที่ คลองวาด ก่อนจะไหลต่อไปยังสำนักงานชลประทานที่ 16 ซึ่งจะมีการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำเพื่อลงสู่คลองภูมินาถดำริ (คลอง ร.1) ต่อไป
แนวโน้มสถานการณ์ บางพื้นที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำในลำน้ำต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น
คาดว่าร่องมรสุมจะเคลื่อนตัวไปสู่ทะเลอันดามันในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้อยู่ในความระมัดระวังและติดตามประกาศจากทางการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
3. จังหวัดสตูล พื้นที่ประสบภัย 6 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,584 ครัวเรือน ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนเรือท้องแบนและเรือพลาสติกเพื่อใช้ในการเข้าพื้นที่และอพยพประชาชน หน่วยงานในพื้นที่ได้ร่วมกันระดมกำลังบรรจุกระสอบทรายอย่างต่อเนื่อง หลังจากน้ำจากคลองใกล้เคียงเอ่อล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมชุมชน ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการป้องกันและลดผลกระทบ วางแนวกระสอบทรายเพิ่มในจุดเสี่ยง เพื่อชะลอการไหลของน้ำและป้องกันความเสียหายต่อบ้านเรือน รวมถึงให้การช่วยเหลือประชาชนที่ยังได้รับผลกระทบในพื้นที่น้ำท่วมขัง ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำบางจุดยังคงทรงตัว ขณะเดียวกัน จังหวัดสตูลยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง คาดว่าหากไม่มีฝนเพิ่มสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ตำบลฉลุง จะเริ่มคลี่คลายลงภายในวันที่ 22 พ.ย. 68 โดยทุกหน่วยงานยังคงตรึงกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
นายมูหมัดยูซุป เบ็ญอาซิส นักทัณฑวิทยาชำนาญการพิเศษ รักษาการแทนผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสตูลพร้อมคณะเจ้าหน้าที่เรือนจำ นำผู้ต้องขังชั้นดี 7 ราย ช่วยบรรจุทรายลงกระสอบพร้อมนำไปใช้วางแนวป้องกันบ้านเรือน โดยออกแจกจ่ายให้ประชาชนแล้วกว่า 1,000 กระสอบ ขณะที่นายกิติศักดิ์ มูสิกสง นายกเทศมนตรีเมืองสตูล ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในเขตเทศบาลเมืองสตูล เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมอุปกรณ์สนับสนุนการป้องกันน้ำ (กระสอบทราย) และเตรียมแผนการระบายน้ำ เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขัง ลดผลกระทบต่อประชาชนอย่างเต็มกำลัง หากประชาชนท่านใดต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อขอรับการช่วยเหลือได้ที่ งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองสตูล 074-711008 ตลอด 24 ชั่วโมง
4. จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดฝนตกหนักน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชน 8 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,277 ครัวเรือน 35,155 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต
การให้ความช่วยเหลือ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ขนย้ายผู้ประสบภัย สนับสนุนรถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถยกสูง เรือยนต์ เรือท้องแบน รถสูบน้ำกู้ภัยเคลื่อนที่สมรรถนะสูง เครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่ และเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
5. จังหวัดปัตตานี เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ อ.สายบุรี และ อ.แม่ลาน ประชาชนได้รับผลกระทบ 883 ครัวเรือน 3,224 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหาย ติดตั้งป้ายเตือนน้ำท่วมขัง อำนวยความสะดวกด้านการจราจร และเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น
6. จังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 12 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ 98,954 ครัวเรือน 288,719 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น
7. จังหวัดตรัง เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ อ.นาโยง ห้วยยอด รัษฎา และย่านตาขาว ประชาชนได้รับผลกระทบ 33 ครัวเรือน 124 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น ยังต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
8. จังหวัดยะลา นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ลงพื้นที่เทศบาลเมืองสะเตงนอก ติดตามสถานการณ์การเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย ขณะนี้ปริมาณน้ำของแม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรี ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่ง ยังปกติอยู่ สิ่งที่ต้องระวังคือปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปริมาณฝนสะสม การแจ้งเตือนเตรียมตัวอพยพช่วยเหลือประชาชน ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และกลุ่มเปราะบางมาอยู่ที่ปลอดภัย ซึ่งปีนี้จากการประชุมเตรียมการ ทั้ง อปท. และอำเภอต่างๆ ทั้ง 8 อำเภอของจังหวัดยะลา ได้มีการบูรณาการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เบตง อ.ธารโต ซึ่งเป็นพื้นที่ราบสูง พื้นที่ภูเขา ได้มีการเตรียมเครื่องจักรกล เฝ้าระวังการเกิดดินสไลด์ อ.บันนังสตา เตรียมความพร้อมการเกิดน้ำป่าไหลหลากกัดเซาะสะพานและถนน ได้เตรียมความพร้อมสะพานแบริ่ง ส่วนในพื้นที่ อ.เมืองยะลา รามัน ยะหา ได้เตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ ทั้งเรือ และเจ้าหน้าที่ ในการระดมความช่วยเหลือตามแผนเผชิญเหตุ ที่ได้มีการซักซ้อมก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนได้ติดตามข้อมูล ประกาศจากทางการอย่างใกล้ชิด
ความเสียหาย ถนนรอบอ่างเก็บน้ำยะรม หมู่ที่ 4 ต.ยะรม อ.เบตง เกิดการทรุดตัวและแยกตัวอย่างรุนแรง ความลึกของการทรุดตัววัดได้ประมาณ 2 เมตร และเกิดการแยกตัวของผิวถนนเป็นระยะทางยาวกว่า 50 เมตร ได้เร่งนำป้ายมาติด ห้ามบุคคลเข้า-ออกโดยเด็ดขาด และปิดการจราจรในจุดนี้ชั่วคราวทันที








