นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมการบริหารจัดการน้ำบริเวณพื้นที่ภาคใต้ ที่จังหวัดสงขลา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงทันที พร้อมมอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หน่วยทหารประจำพื้นที่ จังหวัด และส่วนราชการต่างๆ สนับสนุนรถยกสูง เรือท้องแบน และอุปกรณ์ที่จำเป็น เพื่อเตรียมการอพยพให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้กำชับให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดตั้งโรงครัว พร้อมเตรียมอาหาร น้ำสะอาด ยารักษาโรค และอุปกรณ์ยังชีพ จัดหาที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยด่วน ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้กรมชลประทาน และ ปภ. กำหนดจุดติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด รวมทั้งให้ทุกส่วนราชการติดตามข้อมูลปริมาณฝนอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมการรับมือและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) บูรณาการการแก้ไขปัญหาในระยะยาวร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบซ้ำในปีต่อไป ให้เร่งตรวจสอบความเสียหายโดยใช้ระบบเทคโนโลยี เพื่อเร่งรัดกระบวนการจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด พร้อมกล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันระดมกำลังแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงานของทุกฝ่ายอย่างเต็มที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและเร่งรัดการให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด โดยระหว่างการลงพื้นที่ นายกรัฐมนตรีได้สำรวจสภาพน้ำท่วมในหลายจุด พร้อมพูดคุยสอบถามประชาชนถึงความเป็นอยู่ โดยเฉพาะเรื่องอาหารและสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกครัวเรือนได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง และกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงและผู้ที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนย้ายเป็นลำดับแรก รวมถึงได้มอบข้าวและน้ำดื่มให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมทั้งยืนยันกับผู้ประสบอุทกภัยว่าหน่วยงานของรัฐกำลังเร่งระดมสรรพกำลังลงพื้นที่เพิ่มเติม ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าความช่วยเหลือจากภาครัฐกำลังทยอยเดินทางไปยังพื้นที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณ “สี่แยกโรงปูน” ซึ่งเป็นจุดวิกฤตสำคัญ ที่มีปริมาณน้ำไหลท่วมถนนสายหลักและชุมชนโดยรอบ ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยานยนต์และรถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงานท่ามกลางสถานการณ์เร่งด่วน โดยเฉพาะการดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำและจุดที่น้ำไหลแรง ซึ่งยังมีแนวโน้มระดับน้ำผันผวนจากสภาพอากาศที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และได้มอบถุงยังชีพ เครื่องอุปโภค–บริโภค และน้ำดื่มให้แก่ผู้ประสบภัย โดยมุ่งช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมทั้งกำชับให้ทุกหน่วยงานเตรียมเครื่องมือสนับสนุน ทั้งเครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกสูง และเรือท้องแบน เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง และขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลแจ้งเตือนจากจังหวัดสงขลาและหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด อีกทั้งแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางบริเวณสี่แยกโรงปูนและพื้นที่ที่ยังเกิดน้ำท่วมขัง พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะเร่งบูรณาการความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ
นอกจากนี้ ยังมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ ได้ลงพื้นที่และสั่งการติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ประกอบด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลงพื้นที่วัดพรหมทอง อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์อุทกภัย พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและเป็นจุดรับน้ำจากอำเภอลานสกา และอำเภอเมืองฯ บางส่วนส่งผลให้บ้านเรือน ถนนสายหลัก และพื้นที่เกษตรกรรมถูกน้ำท่วมขัง สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นวงกว้าง ซึ่งนายพิพัฒน์ กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างเต็มกำลัง พร้อมทั้งสั่งติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที และยังได้รับฟังปัญหาความเดือดร้อน โดยเฉพาะด้านการคมนาคม เส้นทางการสัญจร และความต้องการเร่งด่วนของชุมชน เพื่อนำไปพิจารณาแก้ไขและวางแนวทางในการบรรเทาปัญหาต่อไป
ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งงดเดินขบวนรถในเส้นทางสายใต้ จากเหตุน้ำท่วมอย่างฉับพลันในหลายพื้นที่ของอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และมีน้ำท่วมเหนือสันรางระหว่างสถานีวัดควนมีด – จะนะ และอีกหลายพื้นที่ในจังหวัดใกล้เคียง ทำให้ขบวนรถไม่สามารถเดินผ่านไปได้ การรถไฟฯ จึงมีความจำเป็นต้องประกาศงดเดินรถ จำนวน 10 ขบวน เป็นการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ดังนี้
1. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 31/32 (กรุงเทพอภิวัฒน์ – ชุมทางหาดใหญ่ – กรุงเทพอภิวัฒน์)
2. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37/38 (กรุงเทพอภิวัฒน์ – สุไหงโกลก – กรุงเทพอภิวัฒน์)
3. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45/46 (กรุงเทพอภิวัฒน์ – ปาดังเบซาร์ – กรุงเทพอภิวัฒน์)
4. ขบวนรถเร็วที่ 169/170 (กรุงเทพอภิวัฒน์ – ยะลา – กรุงเทพอภิวัฒน์)
5. ขบวนรถเร็วที่ 171/172 (กรุงเทพอภิวัฒน์ – สุไหงโกลก – กรุงเทพอภิวัฒน์)
สำหรับประชาชนที่ซื้อตั๋วโดยสารไว้ล่วงหน้าในเส้นทางที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม หากไม่ประสงค์เดินทางสามารถติดต่อขอคืนเงินค่าตั๋วโดยสารได้เต็มราคาที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ และผู้โดยสารยังสามารถตรวจสอบเวลาและตำแหน่งขบวนรถแบบเรียลไทม์ผ่านระบบ https://ttsview.railway.co.th/v3/floodingNST/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถานีรถไฟทั่วประเทศ และ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) แจ้งว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมสูงในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ส่งผลกระทบต่อการเดินรถในพื้นที่ภาคใต้ รถโดยสารไม่สามารถวิ่งผ่านเข้า อ.หาดใหญ่ได้ จำนวน 5 เส้นทาง ดังนี้
1. สายที่ 988 เส้นทางกรุงเทพฯ – สตูล
2. สายที่ 992 เส้นทาง กรุงเทพฯ – หาดใหญ่
3. สายที่ 987 กรุงเทพฯ – ยะลา
4. สายที่ 9917 กรุงเทพฯ – ปัตตานี
5. สายที่ 9917 กรุงเทพฯ – สุไหงโกลก
บขส. จึงจำเป็นต้องหยุดเดินรถในเส้นทางดังกล่าวชั่วคราว จนกว่าน้ำจะลดลง สำหรับผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบสามารถติดต่อขอคืนตั๋วโดยสารได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลการเดินรถสายใต้ โทร. 02 – 422 – 4444 หรือติดตามข่าวสารได้ที่ เฟซบุ๊ก : บขส.
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งน้ำจากเขาคอหงส์ รวมถึงน้ำจากคลองสามสิบเมตรและคลองสายอื่น ๆ ไหลเข้าท่วมถนนทุกสาย ใจกลางเมือง โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจชั้นใน ร้านค้า บ้านเรือน และชุมชนโดยรอบได้รับผลกระทบวงกว้าง ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า ขณะนี้หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติม สถานการณ์การระบายน้ำ น่าจะช่วยให้สภาพความเดือดร้อนของชาวหาดใหญ่ไม่เลวร้ายมากไปกว่านี้ และคาดว่าน้ำจะเริ่มลดระดับลงเรื่อยๆ โดยกรมชลประทานจะเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็ว ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากนายกเทศมนตรีเมืองหาดใหญ่ว่า ชาวบ้านกว่า 10,000 คนกำลังขาดแคลนอาหาร จึงได้สั่งการกรมชลประทานและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เร่งตั้งโรงครัวช่วยเหลือประชาชนโดยด่วน พร้อมยืนยันว่า การระบายน้ำยังเป็นไปตามปกติ แต่เนื่องจากมีฝนตกลงมาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำยังคงท่วมหลายจุดในพื้นที่
ส่วนสภาพของโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เช่น โรงเรียนบ้านคลองหวะ หรือโรงเรียนทวีรัตน์ราษฎร์บำรุงได้สั่งการไปยัง ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และผู้บริหาร ให้ลงมาช่วยเหลือครูอาจารย์ ผู้ปกครอง และนักเรียน ที่ได้รับผลกระทบโดยด่วนแล้ว นอกจากนี้ได้ประสานกรมปศุสัตว์ให้ดูแลเรื่องอาหารทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ระหว่างการลงพื้นที่ยังได้นำเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน พร้อมรถบรรทุก 10 ล้อ ลงพื้นที่ช่วยอำนวยความสะดวก อพยพประชาชนและผู้ป่วยจากจุดน้ำท่วมสูง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน
นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ได้สั่งการเร่งด่วนให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนทันที ภายใต้แนวคิดการทำงานแบบ “ทส. หนึ่งเดียว”
ได้บูรณาการกำลังลงพื้นที่ให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องครอบคลุมหลายอำเภอ รวมถึง อำเภอรัตภูมิ ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบหนัก โดยได้ส่งเรือยาง เข้าอพยพและเคลื่อนย้ายประชาชนในจุดอันตราย แจกจ่ายถุงทราย ให้ประชาชนป้องกันน้ำเข้าบ้านเรือน ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากชุมชน สนับสนุนกำลังคนและอุปกรณ์ในการเข้าพื้นที่ที่ถูกตัดขาด และลงสำรวจปัญหาและให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) กรณีอุทกภัยแล้ว ใน 4 จังหวัด ได้แก่ สงขลา สตูล ปัตตานี และยะลา ส่วนพัทลุงอยู่ระหว่างพิจารณาเปิด สำหรับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ สถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบรวม 12 แห่ง โดยทุกแห่งมีการบริหารจัดการให้ไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน สำหรับการดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุข ให้การดูแลกลุ่มเปราะบางแล้ว 832 คน มีการเปิดศูนย์พักพิง 2 แห่ง ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา และ อ.มะนัง จ.สตูล ได้กำชับให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 12 และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเน้นย้ำ 4 เรื่อง คือ 1. ให้การดูแลกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้ป่วยฟอกไต ติดบ้านติดเตียง รวมถึงผู้ป่วยส่งต่อระหว่างโรงพยาบาลในพื้นที่น้ำท่วมถนน 2. ให้สื่อสารความเสี่ยง โดยเฉพาะเรื่องไฟฟ้าช็อตและอุบัติเหตุต่าง ๆ 3. การจัดตั้งหน่วยบริการประชาชนเพิ่มเติม และสนับสนุนเวชภัณฑ์ เช่น ยาน้ำกัดเท้า และ 4. เฝ้าระวังและบริหารจัดการสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบตามแผนประคองกิจการ จนกว่าจะเข้าสู่ระยะปกติและระยะฟื้นฟู
ส่วนโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งการให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและศึกษาธิการจังหวัดทุกจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา และรายงานข้อมูลสู่ส่วนกลางอย่างต่อเนื่องทันท่วงที เพื่อให้สามารถสนับสนุนการช่วยเหลือได้ทันต่อความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะจังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ที่ยังมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ พร้อมกำชับให้สถานศึกษาตรวจสอบจุดเสี่ยงต่างๆ อย่างละเอียด ทั้งความมั่นคงปลอดภัยของอาคาร ระบบไฟฟ้า เครื่องสูบน้ำ ระบบระบายน้ำ และเส้นทางเข้า–ออกโรงเรียน หากพบว่าน้ำเริ่มหลากเข้าพื้นที่ ให้รีบย้ายอุปกรณ์การเรียนการสอน ครุภัณฑ์ และเอกสารสำคัญขึ้นที่สูงทันที พร้อมจัดพื้นที่ปลอดภัยไว้รองรับนักเรียนที่อาจต้องอยู่ในความดูแลในกรณีฉุกเฉิน
ส่วนการจัดการเรียนการสอนให้สถานศึกษาประเมินสถานการณ์ โดยสามารถจัดการเรียนการสอนออนไลน์ มอบหมายงาน หรือชะลอกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยได้ ทั้งนี้ผู้อำนวยการสถานศึกษามีอำนาจประกาศปิดเรียนได้ทันทีหากพื้นที่ไม่ปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากส่วนกลาง ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการเดินทางที่อาจเกิดอันตรายและไม่เพิ่มภาระให้ผู้ปกครอง รวมถึงกรณีที่เปิดการเรียนการสอน สามารถผ่อนปรนเรื่องการแต่งกายของนักเรียนเพื่อมาเรียนได้ตามความเหมาะสมได้ รวมถึงประสานกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการอพยพ ดูแลครู–นักเรียน และจัดการเหตุเร่งด่วนในพื้นที่
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานมีความห่วงใยผู้ใช้แรงงานและประชาชนทั่วไปทุกคนที่ประสบปัญหาอุทกภัย โดยได้สั่งการให้แต่ละหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องบูรณาการให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นการเร่งด่วน และเร่งให้การช่วยเหลือดูแลผู้ใช้แรงงาน ลูกจ้าง รวมถึงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเพื่อให้มีสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในเบื้องต้น และยังได้ให้หน่วยงานในสังกัด เข้าไปตรวจสอบในกรณีมีผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย เพื่อให้การช่วยเหลือสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายประกันสังคม การเข้าไปดูแล ฟื้นฟูเยียวยาด้านการประกอบอาชีพและการมีงานทำ บริการซ่อมแซมบ้านเรือน อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และเครื่องยนต์เล็กทางการเกษตร การฝึกอาชีพ การดูแลสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประสบภัย ทั้งในเรื่องสิทธิประกันสังคม สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานภายหลังน้ำลด นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้บัณฑิตแรงงาน–อาสาสมัครแรงงาน เฝ้าระวังและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้ใช้แรงงาน นายจ้าง ลูกจ้าง และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่หน่วยงานกระทรวงแรงงานในพื้นที่ หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506
นางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชน และติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้รับฟังแนวทางป้องกันปัญหาอุทกภัยโบราณสถานวัดพระบรมธาตุไชยา ณ วัดพระบรมธาตุไชยา ราชวรวิหาร ภายหลังจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เพื่อนำไปหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่ไม่มีฝนตก น้ำในคลองเริ่มลดระดับลง แต่ยังมีน้ำท่วมขังบ้านเรือน ผิวจราจร พื้นที่การเกษตรบางส่วน คาดการณ์ว่า หากฝนหยุดตกจะทำให้ระดับน้ำในพื้นที่ลดลงและเข้าสู่สภาวะปกติ ภายใน 1-2 วันนี้
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง โดยนายชลัช รัตนบุญนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ได้ออกมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่และภาคใต้ของไทย ทั้งในส่วนของวงเงินกู้ระยะสั้นและวงเงินกู้ระยะยาว โดยเพิ่มวงเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นชั่วคราวสูงสุด 20% ของวงเงินเดิม เปลี่ยนแปลงภาระหนี้ระยะสั้นเป็นภาระหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระเงินกู้ระยะสั้นได้นานสูงสุด 3 ปี และระยะยาวสูงสุด 7 ปี ลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาว และพักชำระหนี้เงินต้นนานสูงสุด 1 ปี เพื่อให้ลูกค้าของ EXIM BANK สามารถดำเนินธุรกิจส่งออกหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกตลอดทั้ง Supply Chain ได้อย่างต่อเนื่อง
มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะสั้น
• ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน สูงสุด 180 วัน
• เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม ทั้งนี้ ไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยใช้อัตราดอกเบี้ยเดิม
• เปลี่ยนแปลงภาระหนี้ระยะสั้น เป็นภาระหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี
มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะยาว
• ขยายระยะเวลาเงินกู้ สูงสุด 7 ปี
• ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ปีแรกลง 0.50% หรือจ่ายดอกเบี้ยเพียง 50% ในช่วง 6 เดือนแรก
• พักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 1 ปี
ขณะที่ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้ประกาศแจ้งเตือนว่า จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ยังคงทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ของภาคใต้ตอนล่าง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำและคลองสาขา มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมือง ในช่วงวันที่ 23 – 25 พฤศจิกายน 2568 บริเวณ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส








