น้ำพัดเข้าชุมชนเร็วกว่าที่ใครในอำเภอหาดใหญ่จะตั้งตัวทัน หลายบ้านยังจำวินาทีที่เห็นระดับน้ำขยับขึ้นทีละข้อของเสาเรือนได้ดี เสียงหนึ่งจากชุมชนบอกว่า “ตอนนี้ท่วมถึงหน้าอกแล้ว อาหารแทบไม่มีเลย เพราะไม่ทันเตรียมอะไรไว้” คำพูดสั้นๆ นี้สะท้อนความจริงว่า ต่อให้คุ้นกับฝนใต้แค่ไหน ก็ไม่มีใครชินกับน้ำท่วมฉับพลันเช่นนี้ได้
ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน ฝนที่เทลงมาไม่หยุดทำให้พื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้เผชิญวิกฤตพร้อมกัน ถนนหลายสายถูกตัดขาด การเข้าถึงชุมชนกลายเป็นเรื่องยาก เทศบาลนครหาดใหญ่ต้องประกาศ “ยกธงแดง” เตือนชาวบ้านให้รีบอพยพ แต่ก็ยังมีอีกหลายครอบครัวที่ออกมาไม่ทัน ต้องติดอยู่กับคลื่นน้ำที่ยังท่วมขึ้นทุกชั่วโมง
บนพื้นดินที่กำลังถูกน้ำกลืน ทีมช่วยเหลือจากหลายภาคส่วนขยับตัวแทบพร้อมกัน รวมทั้งจิตอาสาและทีมเคลื่อนที่เร็วของซีพีเอฟซึ่งถูกส่งเข้าเสริมทันที ภายใต้แนวคิดเดียวกัน ยืนหยัด “อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต” ต้องทำงานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ความช่วยเหลือไปถึงผู้คนที่ลำบาก
ที่ค่ายเสนาณรงค์ มณฑลทหารบกที่ 42 อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา “ครัวสนามพระราชทาน” ถูกเปิดอย่างเร่งด่วน เตาไฟและกระทะใบใหญ่ทำงานทั้งวันเพื่อทำอาหารร้อนส่งไปยังบ้านที่ถูกตัดขาด ซีพีเอฟสนับสนุนเนื้อไก่สด ไข่ไก่ 3,000 ฟอง และน้ำดื่ม โดยมี พลตรี ภูมเดชา พ่วงเจริญ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 /ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 42 เป็นผู้รับมอบวัตถุดิบ เพื่อให้ครัวเดินเครื่องได้ต่อเนื่องในช่วงเวลาเร่งด่วนนี้
อีกฟากหนึ่งที่อำเภอจะนะ คู่ค้าของบริษัทเร่งเปิด “ครัวกลางอะฮ์ลัมไก่อบโอ่งจะนะ” ทีมอาสาช่วยกันปรุงอาหารสดใหม่บรรจุกล่อง ส่งออกตลอดทั้งวัน วันแรกต้องใช้เนื้อไก่กว่า 500 กิโลกรัม และไข่ไก่สดกว่า 1,500 ฟอง เพื่อรองรับผู้ประสบภัยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และไม่ใช่แค่ทีมในพื้นที่ เครือข่าย “ซีพีอาสา” จากหลายจังหวัดยังเปิดศูนย์ประสานงานร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคราชการ ภาคประชาสังคม มหาวิทยาลัย เพื่อให้การทำงานทันต่อสถานการณ์จริง
ในช่วงเวลาที่น้ำสูงจนแรงคนแทบหมดเรี่ยวแรง สิ่งที่ชัดเจนกลับเป็นอีกกระแสหนึ่ง กระแสน้ำใจที่ไหลมาไม่ขาดสาย และนั่นคือภาพจริงของภาคใต้ในชั่วโมงแห่งวิกฤตนี้








