ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการช่วยเหลือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ที่ยังคงวิกฤตว่า ได้สั่งการให้บูรณาการความร่วมมือทุกหน่วยงานเพื่อเข้าถึงประชาชนให้เร็วที่สุดทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน โดยกำชับหน่วยงานในสังกัดทุกกรม ระดมสรรพกำลังและความช่วยเหลือลงไปสู่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย อย่างเร่งด่วนที่สุด สำหรับการช่วยเหลือเร่งด่วนทางอากาศ ได้สั่งการให้ใช้เครื่องบินของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ลำเลียงเสบียงอาหารข้ามพื้นที่ที่เส้นทางถูกตัดขาด โดยนำข้าวสารคุณภาพจากองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 1,500 กิโลกรัม และน้ำดื่ม 1,000 ขวด ส่งตรงไปยังศูนย์กระจายความช่วยเหลือ ในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ในส่วนของปากท้องประชาชนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ผนึกกำลังร่วมกับกรมประมง กรมชลประทาน (สำนักชลประทานที่ 16) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า และเทศบาลนครหาดใหญ่ จัดตั้งโรงครัวเพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ ณ เทศบาลนครหาดใหญ่ โดยสามารถผลิตข้าวกล่องรวมกันได้กว่า 5,000 กล่อง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยให้ได้รับประทานอาหารที่สดใหม่ทันที
ด้านกรมการข้าวได้รับข้อสั่งการให้ระดมความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ได้จัดเตรียมข้าวสารบรรจุถุงพร้อมแจกจ่ายไว้แล้วจำนวน 5,000 ชุด และได้ประสานงานกับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวและศูนย์วิจัยข้าวในพื้นที่ประสบภัย ให้ระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เชิงรุก (On-site) เพื่อแจกจ่ายและติดตามสถานการณ์น้ำ ขณะเดียวกันกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้เร่งจัดเตรียมถุงยังชีพจำนวน 1,000 ชุด เพื่อนำไปสมทบและแจกจ่ายให้กับสมาชิกสหกรณ์และประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่อย่างเร่งด่วนอีกทางหนึ่ง
ส่วนการช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ จัดหญ้าอาหารสัตว์ และสัตวแพทย์ลงช่วยสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่อุทกภัยด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหายพื้นที่เกษตร เพื่อเตรียมมาตรการเยียวยาให้เร็วที่สุดเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า นายสุชาติ
ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้สั่งการเร่งด่วนมายังกรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณบางส่วนเป็นการเร่งด่วน เพื่อนำไปสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดยังคงวิกฤต ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ซึ่งนายสุชาติ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการทำงานเชิงรุก และให้หน่วยงานในสังกัด ทส. ทุกแห่งระดมทรัพยากรเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง จึงได้สั่งการให้สำนักแผนงานและสารสนเทศประสานสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 สงขลา/สาขาปัตตานี เร่งพิจารณาและปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อนำมาสนับสนุนภารกิจบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ อย่างเร่งด่วน โดยเน้นการนำไปใช้ในกิจกรรมที่เป็นการช่วยเหลือประชาชนโดยตรง เช่น การจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น การซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเบื้องต้น และการสนับสนุนเครื่องมือที่จำเป็นในภารกิจช่วยเหลือ และได้สั่งการให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดใกล้เคียง ระดมเจ้าหน้าที่ ยานพาหนะ เรือท้องแบน และอุปกรณ์กู้ภัย เข้าไปในพื้นที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือในการอพยพ เคลื่อนย้ายประชาชน และสนับสนุนรถครัวสนามเพื่อประกอบอาหารปรุงสุกแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่
การปรับแผนงบประมาณครั้งนี้จะช่วยให้สามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วและตรงจุดมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยังได้กำชับให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และประสานงานกับฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด และสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัด (สอจ.) เร่งเข้าพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนโดยทันที พร้อมประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน โดยในพื้นที่จังหวัดสงขลา สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดสงขลา ได้ระดม ทุกวิทยาลัยช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ โดย วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ วิทยาลัยการอาชีพหลวงประธานราษฎร์นิกร วิทยาลัยเทคนิคสงขลา วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ และวิทยาลัยเทคนิคจะนะ ได้เปิดศูนย์บริการช่วยเหลือพร้อมแจกข้าวกล่องและน้ำดื่ม เพื่อกระจายให้ประชาชนในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก
ในส่วนของจังหวัดพัทลุง สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดพัทลุง ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือในหลายจุด โดยร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและศึกษาธิการจังหวัด โดย ทีมอาชีวศึกษาได้ลงพื้นที่แจกอาหารแห้งและน้ำดื่มให้ประชาชน
ในชุมชนบริเวณสี่แยกโพธิ์ทอง อำเภอควนขนุน
กระทรวงศึกษาธิการได้เตรียมแผนฟื้นฟูหลังน้ำลดผ่านโครงการ Fix It จิตอาสา โดยจัดทีมช่างอาชีวศึกษา
ลงพื้นที่ซ่อมอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบไฟฟ้า–ประปา ทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชน ส่งเรือไฟเบอร์กลาส ช่วยอพยพและเคลื่อนย้ายประชาชนในอำเภอปากพนัง วิทยาลัยสารพัดช่างนครศรีธรรมราช เปิดเป็นศูนย์พักพิงรองรับผู้ประสบภัย ทั้งนี้ทุกสถานศึกษาเตรียมจัดตั้ง ศูนย์ Fix It Center เพื่อฟื้นฟูหลังน้ำลดในอำเภอเมือง พระพรหม และ ทุ่งสงและช่วยเหลือประชาชนภาคใต้อย่างเต็มที่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ขณะที่นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา และคณะสงฆ์จังหวัดสงขลา ได้ร่วมกับองค์การศาสนาทั้ง 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ อิสลาม คริสต์ พราหมณ์–ฮินดู และซิกข์ จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ณ วัดแช่มอุทิศ อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา เพื่อระดมกำลังในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดสงขลา การให้ความช่วยเหลือครอบคลุมการสนับสนุนถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง เครื่องอุปโภคเเละบริโภค อาหารปรุงสำเร็จ เเจกจ่ายให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบ วันละ 1,000 กล่อง
สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่ประสงค์ร่วมบริจาคสิ่งของ สามารถนำส่งได้ที่ วัดแช่มอุทิศ ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา และกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม อาคารวัฒนธรรมวิศิษฎ์ ชั้น 2 ถนนเทียมร่วมมิตร เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร กรมการศาสนาและเครือข่ายศาสนสถานจะรวบรวมและจัดส่งสิ่งของเพื่อให้ ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างรวดเร็วและทั่วถึง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม โทร. 0 2202 9633 เจ้าอาวาสวัดแช่มอุทิศ โทร. 091-701-0445 วัฒนธรรมจังหวัดสงขลา โทร. 089-979-8903
นางสาวสุชาดา ซาง แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และโฆษกกระทรวงดีอี เปิดเผยว่า นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี มอบหมายให้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังการให้บริการระบบสื่อสารโทรคมนาคมในพื้นที่ประสบอุทกภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดรถโมบายเคลื่อนที่ใช้ในการกระจายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ต เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการใช้บริการในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งจัดทำถุงยังชีพ น้ำดื่มและสิ่งของอุปโภคบริโภคแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน
ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยประชาชน
ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ทุกพื้นที่ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและสั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยบูรณาการกำลังลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยอย่างทันท่วงทีโดยไม่ต้องรอสั่งการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 9 รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างปัจจุบันประสบอุทกภัยในหลายพื้นที่ ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกการจราจร หากจุดใดเป็นจุดเสี่ยงหรืออาจทำให้เกิดอันตรายจะปิดการจราจรเด็ดขาด พร้อมจัดทำสัญลักษณ์แจ้งเตือนให้เห็นเด่นชัดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ส่วนพื้นที่ที่มีน้ำท่วมกระทบต่อการจราจร จะจัดทำแผนหลีกเลี่ยงเส้นทางหรือแก้ปัญหาจราจรและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ
ทุกสถานีตำรวจจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจออกตรวจในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจป้องกันเหตุอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นซ้ำเติมประชาชน จัดกำลังชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมยานพาหนะและอุปกรณ์ เตรียมความพร้อมออกช่วยเหลือประชาชนทันที นอกจากนี้ ให้จัดชุดตำรวจจิตอาสาเข้าช่วยเหลืออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ประสบภัย โดยประสานงานกับศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด เพื่อบูรณาการทรัพยากรร่วมกันและไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งเกาะติดสถานการณ์แบบ real time พร้อมเน้นย้ำให้หัวหน้าสถานีตำรวจกำชับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกนาย ให้บริการช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถและต้องตรวจความพร้อม ควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด โดยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัย สามารถแจ้งเหตุได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน 191 ตลอด 24 ชั่วโมง
สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนเริ่มกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน (DIT) ขอให้ประชาชนทยอยซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ไม่จำเป็นต้องซื้อกักตุน เพราะกรมฯ ได้เร่งประสานผู้ผลิต–ผู้จัดจำหน่ายให้เตรียมสต็อกสินค้า พร้อมเร่งส่งสินค้าเข้าสู่พื้นที่น้ำท่วมทันทีที่เส้นทางเอื้ออำนวย และได้กำชับให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ประสบภัยและใกล้เคียงลงพื้นที่ตรวจร้านค้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการจำหน่ายสินค้าในราคาปกติ การแสดงป้ายราคาให้ชัดเจน และห้ามขายแพง–ห้ามกักตุนสินค้าโดยเด็ดขาด
หากพบว่ามีการฝ่าฝืนจะมีโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 และย้ำว่า แม้บางพื้นที่อาจเกิดภาวะสินค้าบางชนิดสะดุดจากปัญหาการขนส่ง ซึ่งกรมฯ ได้ร่วมประชุมกับผู้ผลิตและผู้ค้ารายใหญ่ทันที
เพื่อวางแผนระบายสินค้าเข้าสู่พื้นที่เสี่ยง พร้อมปรับเส้นทางขนส่งสินค้าให้เหมาะสม
นอกจากนี้ นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน การดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพของลูกค้าและประชาชนเป็นอย่างมาก ธอส. ได้จัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือและเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ดังกล่าว ผ่าน “มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปี 2568” โดยมีรายละเอียด ดังนี้
มาตรการที่ 1 : สำหรับลูกค้าปัจจุบัน ลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยพักชำระหนี้นาน 3 เดือน พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 0% ต่อปี 3 เดือนแรก เดือนที่ 4 – 12 คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2.00% ต่อปี พร้อมลดเงินงวดลง 50% ของเงินงวดที่ชำระในปัจจุบัน เมื่อครบระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ ลูกค้าสามารถกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เดิมต่อไป และลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยสามารถเข้าร่วมโครงการสินเชื่อซ่อม – แต่ง และสินเชื่อซ่อม – แต่ง Plus วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาทต่อราย ระยะเวลาการกู้นานสูงสุด 5 ปี โดยวงเงิน 1 แสนบาทแรก อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีเพียง 1% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี ในวงเงิน 200,000 บาทถัดมา โดยไม่ต้องจดทะเบียนการจำนองเพิ่มที่สำนักงานที่ดิน
มาตรการที่ 2 : สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ กู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม วงเงินกู้สูงสุดต่อราย ต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 – 3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 4 – 24 เท่ากับ 2.00% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 เท่ากับ MRR-3.30% ต่อปี (2.945% ต่อปี) ปีที่ 4 เท่ากับ MRR-2.40% ต่อปี (3.845% ต่อปี) และปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี ลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี และกู้เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบัน เท่ากับ 6.245% ต่อปี) ระยะเวลาการกู้ 40 ปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,100 บาทต่อเดือนเท่านั้น ฟรีค่าธรรมเนียมประเมินราคาหลักประกัน (1,900 – 2,800 บาท) และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการจำนองไม่เกิน 1% ของวงเงินจำนอง เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน
มาตรการที่ 3 : สำหรับลูกค้าสถานะ NPL (หนี้เสียไม่สามารถก่อให้เกิดรายได้/หนี้ผิดนัดชำระนานกว่า 90 วัน) ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย ให้ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และไม่ต้องชำระเงินงวด จากนั้นเดือนที่ 7-18 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ให้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิ์เดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
มาตรการที่ 4 : สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาท (ตัดเงินต้นทั้งหมด) จากนั้นเดือนที่ 7-12 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน บวกอีก 100 บาท และเมื่อผ่อนชำระครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้ลูกค้ากลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิ์เดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
มาตรการที่ 5 : สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระ โดยใช้อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดระยะเวลาที่คงเหลือ (พิจารณาเป็นรายกรณี)
มาตรการที่ 6 : สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL หากที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังและไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือเท่านั้น (พิจารณาเป็นรายกรณี)
มาตรการที่ 7 : พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย ซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติกับบริษัทประกันภัยที่ธนาคารจัดให้ พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่ประสบภัยทุกรายอย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ โดยผู้เอาประกันสามารถแจ้งความเสียหายโดยใช้ภาพถ่าย จ่ายตามความเสียหายจริงไม่เกิน 20,000 บาท และสำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเสียหายจริงอีกไม่เกิน 30,000 บาท ต่อปี (รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นไปตามกรมธรรม์)
ลูกค้าสามารถติดต่อเพื่อยื่นความประสงค์เข้าร่วมมาตรการได้ที่สาขา ธอส. ตั้งแต่บัดนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ G H Bank Social Media และ www.ghbank.co.th








