นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวในโอกาส “การรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว”ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยขอส่งความระลึกถึง และความปรารถนาดี มายังประชาชนคนไทยทุกคน และทุกครอบครัว องค์การสหประชาชาติ กำหนดให้วันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล” เพื่อรณรงค์ให้สังคมเห็นความสำคัญของปัญหาการใช้ความรุนแรง การคุกคาม ความอยุติธรรมต่อสตรีและเด็กหญิงทั่วโลก ตลอดจนส่งเสริมให้ทุกคน แสดงพลังไม่ยอมรับ และไม่นิ่งเฉยต่อความรุนแรงทุกรูปแบบ
สำหรับประเทศไทย คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2542 มีมติเห็นชอบให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็น “เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี” เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความรุนแรง และร่วมกันยุติปัญหาความรุนแรงทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นในสังคมไทย
ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ส่งผลกระทบโดยตรงเป็นอย่างมากต่อผู้ประสบเหตุ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลด้านลบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมในวงกว้างรัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญ ของปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัว และได้ดำเนินมาตรการเฝ้าระวัง ปกป้อง คุ้มครอง และเยียวยาเด็ก เยาวชน สตรี และประชาชนที่ได้รับความรุนแรง หรือถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งส่งเสริมสัมพันธภาพ และสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อให้สถาบันครอบครัว มีความเข้มแข็งด้วยการปลูกฝังค่านิยม และวัฒนธรรมที่ดีของคนในสังคม และสร้างความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาบรรลุเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม
ปัจจุบันทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลได้ง่ายขึ้น และมีภัยคุกคามทางไซเบอร์หลายรูปแบบ ที่อาจถูกนำมาใช้ในการสร้างความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งมีการแพร่ขยายไปในบุคคลทุกระดับ ในปีนี้รัฐบาลจึงกำหนดจัดงานรณรงค์ส่งเสริมความรู้ ภายใต้แนวคิด “ยุติความรุนแรงทางดิจิทัล เพื่อสตรีและเด็กผู้หญิง” เพื่อเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วน และทุกคนในสังคม ต้องร่วมกันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว รวมทั้งต้องระมัดระวังภัยทางเทคโนโลยีดิจิทัลที่อาจจะนำมา ซึ่งภัยร้ายแรงแก่ชีวิตและทรัพย์สิน
นายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พลังความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนที่ร่วมกันรณรงค์ยุติปัญหาความรุนแรงนี้ จะส่งเสริมให้ครอบครัว และสังคมไทยเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเข้าใจ และความเอื้ออาทร ซึ่งจะเป็นเกราะคุ้มกัน ไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงในครอบครัวและสังคม และยังช่วยยกระดับ สถาบันครอบครัวให้มีความเข้มแข็ง เป็นรากฐานที่มั่นคงของสังคมไทยของเราอย่างยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน มาร่วมแสดงพลัง ในการยุติความรุนแรง โดยไม่ใช้ความรุนแรง ในการแก้ไขปัญหาและร่วมกันต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบ มิให้เกิดขึ้นในครอบครัวและสังคมไทย ผมขอให้ทุกครอบครัวและทุก ๆ คนในสังคม อยู่ร่วมกันด้วยความรัก ความเข้าใจ ความเอาใจใส่ รับฟังซึ่งกันและกัน แม้ว่าจะเผชิญปัญหาอุปสรรคใด ๆ ขอให้หยุดคิด ตั้งสติให้ดี พูดคุย คิดก่อนทำอย่างรอบคอบ นึกถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพื่อทำให้การอยู่ร่วมกัน ในสังคมของทุกคน อยู่อย่างมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี สังคมมีความปลอดภัยและสงบสุขตลอดไป








