บอร์ดอีวีไฟเขียวปรับมาตรการ EV3 และ EV3.5 เพิ่มความยืดหยุ่นการผลิต ป้องกันปัญหาล้นตลาด พร้อมหนุนไทยสู่ฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าภูมิภาค

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดอีวีชุดใหม่ ซึ่งมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้ EV3 และ EV3.5 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์อุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ การเพิ่มความยืดหยุ่นต่อผู้ประกอบการ และการป้องกันปัญหาการผลิตล้นตลาด (Oversupply)

ในส่วนของการเพิ่มความยืดหยุ่น มาตรการที่ปรับปรุงประกอบด้วย การขยายเวลาการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตภายในประเทศเป็นภายในเดือนมกราคมของปีถัดไป การกำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุนตามแผนผลิต การเปิดทางให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มรายชื่อโรงงานตามมาตรการ EV3.5 เข้าร่วมในสัญญา EV3 รวมถึงการขยายเวลานับมูลค่าวัตถุดิบเซลล์แบตเตอรี่จากต่างประเทศถึงเดือนมิถุนายน 2569 และการกำหนดแนวปฏิบัติสำหรับมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ HEV ครอบคลุมเรื่องการปล่อย CO₂ การใช้ชิ้นส่วนในประเทศ ระบบแบตเตอรี่ และมาตรฐานความปลอดภัย ADAS

ด้านการป้องกันปัญหาการผลิตล้นตลาด บอร์ดอีวีได้ปรับเงื่อนไขการนับจำนวนผลิตชดเชยสำหรับรถที่ส่งออก โดยให้นับ 1 คันเป็น 1.5 คัน เพื่อส่งเสริมการส่งออก พร้อมขยายเวลาการส่งหลักฐานถึงวันที่ 30 มิถุนายนของปีถัดไป อีกทั้งยังเปิดทางเลือกให้ผู้ประกอบการที่นำเข้ารถแล้วแต่ยังไม่ได้รับเงินอุดหนุน สามารถจ่ายส่วนต่างภาษีสรรพสามิตและค่าปรับเพื่อยุติภาระการผลิตชดเชยได้

บอร์ดอีวีได้รับทราบรายงานภาพรวมการเติบโตของอุตสาหกรรม โดยช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มียอดจดทะเบียนรถ BEV ทั้งหมด 87,112 คัน เติบโตจากปีก่อนร้อยละ 59 ขณะที่ยอดจดทะเบียนภายใต้มาตรการ EV3 และ EV3.5 สะสมรวม 238,183 คัน ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้าร่วมมาตรการ EV3 จำนวน 32 บริษัท และ EV3.5 จำนวน 11 บริษัท

ทั้งนี้ ณ เดือนตุลาคม 2568 บีโอไอได้ส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 1.4 แสนล้านบาท ครอบคลุมโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ชิ้นส่วนสำคัญ สถานีชาร์จ และสถานีสลับแบตเตอรี่ รวมทั้งกิจการผลิตรถ BEV 21 โครงการ มูลค่า 40,449 ล้านบาท และกิจการผลิตแบตเตอรี่ 54 โครงการ มูลค่า 79,473 ล้านบาท

อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ของเศรษฐกิจไทย การเติบโตของ EV ทั่วโลกตอกย้ำว่าการกำหนดทิศทางของบอร์ดอีวีเดินถูกทาง และมาตรการปรับปรุงครั้งนี้จะช่วยสร้างความยืดหยุ่น ควบคู่กับรักษาเสถียรภาพตลาดในประเทศ พร้อมสร้างดีมานด์ใหม่ให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย และยกระดับบทบาทของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง