ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวง คืนเงินให้แก่ผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้ได้รับเงินคืนอย่างรวดเร็ว

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. … ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ เนื่องจาก ปัจจุบันการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยการส่งข้อความหลอกลวงต่าง ๆ ผ่านเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์และเว็บไซต์ เช่น หลอกให้กลัวโดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐ หลอกให้ทำงานออนไลน์ หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน และการหลอกให้ลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ เป็นต้น รวมทั้งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้วิธีโทรหลอกลวง ที่นับวันมีการพัฒนาวิธีการ รูปแบบการหลอกลวงแบบใหม่ ที่ส่งผลเสียหายต่อประชาชน เศรษฐกิจและสังคมเป็นวงกว้าง ซึ่งพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 บัญญัติให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจ มีหน้าที่ระงับการทำธุรกรรมของบัญชีเงินฝาก หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกใช้หรืออาจถูกใช้ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือการกระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และให้เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจดำเนินคดีอาญาหรือเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการตรวจสอบต่อไป โดยกระบวนการพิจารณาตรวจสอบและคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเติม ที่กำหนดให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) มีหน้าที่รับและตรวจสอบรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และเสนอคณะกรรมการธุรกรรมพิจารณา เมื่อคณะกรรมการธุรกรรมเห็นด้วยกับคำร้องที่สำนักงาน ปปง. ได้ตรวจสอบและรายงาน ให้ส่งพนักงานอัยการ ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อพิจารณาคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายตามกระบวนการต่อไป ซึ่งกระบวนการดังกล่าวมีหลายขั้นตอนและมีความล่าช้า ทำให้ผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยาอย่างที่ควรจะเป็นและทำให้มีเงินที่คงค้างอยู่ในระบบการเงินเป็นจำนวนมาก

ต่อมาได้มีพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 มาตรา 8/1 และมาตรา 8/2 ได้เพิ่มบทบัญญัติ เกี่ยวกับการคืนเงินแก่ผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อแก้ไขกระบวนการการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายให้เป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ในการติดตามเพื่อคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายและเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องเร่งเยียวยาผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโดยเร็ว ซึ่งกำหนดให้สำนักงาน ปปง. มีหน้าที่รับและตรวจสอบรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และให้สำนักงาน ปปง. เสนอคณะกรรมการธุรกรรมพิจารณาคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายหากคณะกรรมการธุรกรรมพิจารณาเห็นด้วยกับ
คำร้องที่สำนักงาน ปปง. ได้ตรวจสอบและรายงานให้แจ้งธนาคารหรือสถาบันการเงินคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายโดยตรง

อีกทั้ง ปัจจุบันพบว่ามีเงินค้างในบัญชีที่มีการระงับช่องทางการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ไว้จำนวน 853,486 บัญชี เป็นมูลค่าเงินคงเหลือในบัญชี รวมทั้งสิ้น 3,076,368,582.21 บาท ที่รอการตรวจสอบ ดังนั้น เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับการแก้ไขเยียวยาความเสียหายตามที่ควรจะเป็น จึงได้จัดทำร่างกฎกระทรวงการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. … ที่กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ หน่วยงานของรัฐ สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจมีหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาและการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายให้ชัดเจน อันจะทำให้ผู้เสียหายหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมีช่องทางในการได้รับเงินคืนหรือคัดค้านการคืนเงิน โดยมีกระบวนการพิจารณาที่รวดเร็ว รวมทั้งการจัดการกับเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ไม่ปรากฏผู้เสียหายหรือที่เหลือจากการคืน ซึ่งเป็นการนำเงินที่คงค้างจากการระงับการทำธุรกรรมที่รอการตรวจสอบกลับคืนสู่ระบบเศรษฐกิจต่อไป และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนที่จะได้รับเงินคืนอย่างรวดเร็ว หากตกเป็นผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย

ร่างกฎกระทรวงการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. … มีสาระสำคัญ ดังนี้

1. การรายงานข้อมูลการทำธุรกรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

   • กำหนดให้เมื่อพนักงานสอบสวนตรวจพบความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้ยึดหรืออายัดเงินในบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ต้องรายงานข้อมูลการทำธุรกรรม ไปยัง “ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” (ศปอท.) เพื่อพิจารณาประกาศรายชื่อบัญชีหรือกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เกี่ยวข้อง และรายงานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อพิจารณา
คืนทรัพย์ให้ผู้เสียหายผ่านระบบที่กำหนด

  • กรณีที่สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจพบเหตุอันควรสงสัย ว่าบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์อาจเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ต้องรายงานข้อมูลการทำธุรกรรมไปยังสำนักงาน ปปง. เพื่อตรวจสอบ และหากยังไม่มีการยึดหรืออายัดเงินในบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ไว้ ให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เลขาธิการ ปปง.) มอบหมายให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบต่อไป หากพบการกระทำความผิดให้ยึดหรืออายัดเงิน และรายงานไปยังสำนักงาน ปปง. เพื่อพิจารณา
คืนทรัพย์ ให้ผู้เสียหายผ่านระบบที่กำหนด

  • กรณีที่เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ปปง. พบเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้รายงานไปยัง ศปอท. เพื่อพิจารณาประกาศรายชื่อผู้เกี่ยวข้อง และหากพบว่า
มีผู้เสียหาย ให้เสนอเลขาธิการ ปปง. พิจารณาคืนเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัล

  • ให้เลขาธิการ ปปง. มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายงานข้อมูลการทำธุรกรรม โดยหากพบว่ามีผู้เสียหายเกิดขึ้นให้เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรมเพื่อพิจารณาคืนเงินหรือสินทรัพย์ หรือหากพบว่า บัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ใดไม่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ถอนการยึดหรืออายัดบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงิน อิเล็กทรอนิกส์หรือเพิกถอนการระงับการทำธุรกรรมของผู้ที่เกี่ยวข้อง

2. การยื่นคำร้องหรือคำร้องคำคัดค้านและการตรวจสอบคำร้องหรือคำร้องคำคัดค้าน

   • กำหนดให้ประกาศรายชื่อบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในราชกิจจานุเบกษาและสื่อของสำนักงาน ปปง. เพื่อแจ้งให้ผู้เสียหายยื่นคำร้อง พร้อมหลักฐานหรือยื่นคำร้องคัดค้าน ในกรณีเห็นว่าบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีภายใน 90 วัน นับจากวันประกาศ และหากทราบผู้เสียหายและที่อยู่ชัดเจน ให้มีหนังสือแจ้งผู้เสียหายทราบโดยตรงด้วย

  • กำหนดรายละเอียดของข้อมูลบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา อย่างน้อยต้องประกอบด้วยข้อมูล ดังต่อไปนี้

   1. ชื่อ – นามสกุลของผู้ถือบัญชีหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์

   2. เลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือเบอร์โทรศัพท์ของผู้ถือบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์

   3. เลขที่บัญชีเงินฝาก เลขที่บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์หรือเลขที่กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล

   4. ชื่อสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจเจ้าของบัญชีเงินฝาก

   5. พฤติการณ์หรือช่วงเวลาที่กระทำความผิดพอสังเขป

  • บุคคลที่อาจยื่นคำร้องหรือยื่นคำร้องคัดค้าน เช่น ผู้แทนโดยชอบธรรม (กรณีผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์) บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือสามีหรือภริยา

  • ข้อความที่ต้องระบุในคำร้อง และหลักฐานที่ต้องแนบ เช่น สำเนาคำพิพากษาให้ได้รับเงินคืนที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

  • ช่องทางการยื่นคำร้องหรือคำร้องคัดค้าน เช่น ยื่นด้วยตนเอง ยื่นผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์

  • การออกเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์

  • กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคำร้องหรือคำคัดค้านหากถูกต้องครบถ้วนให้ออกใบรับรอง
แต่หากขาดข้อมูลหรือเอกสารหลักฐานใด ให้แจ้งผู้ยื่นคำร้องหรือผู้ยื่นคำร้องคัดค้านดำเนินการแก้ไขและส่งเอกสารหลักฐานให้ถูกต้องครบถ้วน หากแก้ไขไม่ได้ในขณะนั้นให้บันทึกความบกพร่องพร้อมกำหนดระยะเวลา แล้วแจ้งให้
ผู้ยื่นคำร้องหรือผู้ยื่นคำร้องคัดค้านทราบ

3. การพิจารณาคืนเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัล หรือชดใช้เงินคืนให้แก่ผู้เสียหาย

   • เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมและรวบรวม ข้อเท็จจริงของผู้เสียหายและผู้ที่เกี่ยวข้องเสร็จแล้ว ให้จัดทำรายงานพร้อมความเห็นเสนอเลขาธิการ ปปง. เพื่อขอความเห็นชอบในการเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรม โดยในรายงานต้องระบุข้อเท็จจริง เหตุผล และความเห็นให้ดำเนินการคืนเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัลหรือชดใช้เงินคืนให้แก่ผู้เสียหาย

   • เมื่อคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้คืนเงินหรือทรัพย์สินดิจิทัลหรือชดใช้เงินแก่ผู้เสียหาย หรือมีคำสั่งเห็นชอบด้วยกับคำร้องคัดค้านสำนักงาน ปปง. ต้องแจ้งให้ผู้เสียหายและผู้ที่เกี่ยวข้องทราบพร้อมแจ้งสิทธิในการยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งภายใน 30 วัน ในกรณีที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว หากไม่มีการยื่นคำร้องภายในระยะเวลา ดังกล่าว พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถแจ้งให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการตามคำสั่งได้ แต่หากมีการยื่นคำร้อง ให้สำนักงาน ปปง. รอผลคำพิพากษาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

   • การคืนเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัล หรือชดใช้เงินคืนตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการคืนเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัล ไปยังบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของผู้เสียหาย แต่ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการได้อาจพิจารณาคืนเงินไปยังบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์อื่นของผู้เสียหายได้

   • ในกรณีที่คณะกรรมการธุรกรรมเห็นว่าบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ใดไม่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้แจ้ง ศปอท. เพื่อถอนการยึดหรืออายัด และให้มีหนังสือแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องทราบด้วย

4. การจัดการเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัล กรณีไม่มีผู้เสียหาย หรือผู้ที่เกี่ยวข้องมายื่นคำร้องหรือคำร้องคัดค้าน

   • การเก็บรักษาและการจัดการเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีผู้เสียหายหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมายื่นคำร้องหรือคำร้องคัดค้าน ในกรณีเป็นเงิน ให้นำเข้าฝากสถาบันการเงินตามที่เลขาธิการ ปปง. กำหนด หรือในกรณีเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ให้นำเก็บในบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เลขาธิการ ปปง. กำหนด

   • การเก็บรักษาเงินและดอกผลที่เกิดขึ้นจากเงินในบัญชีเงินฝากซึ่งเหลือจากการคืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหาย หากไม่มีผู้เสียหายหรือผู้ที่เกี่ยวข้องยื่นคำร้องภายใน 10 ปี นับจากวันที่คืนหรือชดใช้เงินหรือประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้สำนักงาน ปปง. นำเงิน สินทรัพย์ดิจิทัล หรือดอกผลที่เหลือ ส่งเข้ากองทุนป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หากเจ้าของเงินมาขอรับคืนภายหลัง ต้องพิสูจน์ว่า มีเหตุสมควรที่ไม่สามารถมารับคืนภายในกำหนดเวลา

โดยร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเป็นหนึ่งในเหตุผลประกอบการเสนอพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ดังนั้น จึงไม่เข้าข่ายเป็นกฎที่ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบก่อนการออกกฎตามกฎกระทรวงกำหนดร่างกฎที่ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบ พ.ศ. 2568

ข่าวที่เกี่ยวข้อง