หลายจังหวัดภาคใต้ ณ เวลานี้ ยังคงเผชิญกับวิกฤตน้ำท่วม หลายพื้นที่ระดับน้ำยังท่วมสูง ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะที่หลายพื้นที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลายและมีแนวโน้มดีขึ้น ระดับน้ำบางจุดเริ่มลดลง แต่ยังคงต้องเฝ้าระวัง
วิกฤตน้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ครั้งนี้ โดยเฉพาะที่ “หาดใหญ่” จังหวัดสงขลา ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในวงกว้าง ผู้ประสบอุทกภัยเกิดภาวะเครียด หมดหวังและอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตขั้นรุนแรงได้ในอนาคต
ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต เผยว่า จากอุทกภัยที่ไม่มีใครตั้งตัวทัน ได้ส่งผลกระทบทั้ง “ผู้ประสบอุทกภัย” “เจ้าหน้าที่ของรัฐ-จิตอาสาที่เข้าไปช่วยเหลือ” และ “คนที่เสพข่าว”
โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบุคคลทั้ง 3 กลุ่มนั้น มีภาวะเครียดที่แตกต่างกัน โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ “ผู้ประสบภัย” ที่ต้องเจอภาวะความเครียดฉับพลัน ซึ่งหากความเครียดยังไม่ทุเลา ถือเป็นสัญญาณที่น่าห่วง เพราะหากเกิดภาวะเครียดเรื้องรังนานเกิน 1 เดือน อาจเข้าสู่ภาวะซึมเศร้าได้
ท่ามกลางความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น “การจัดการกับอารมณ์และสติ” ถือว่าสำคัญ โดยนักจิตวิทยาได้อนุญาตให้ผู้ประสบภัย รู้สึกเศร้า โกรธ หวาดกลัว หรือท้อแท้ได้ เพราะถือเป็นปฏิกิริยาปกติที่เกิดขึ้นหลังจากที่ต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตต่างๆ ในชีวิต ซึ่งการยอมรับความรู้สึกดังกล่าว จะช่วยให้จัดการกับอารมณ์เหล่านั้นได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ผู้ประสบภัย ฝึกใช้เทคนิคผ่อนคลายง่ายๆ เช่น การหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ นับเลข 1-10 ในใจเมื่อหายใจเข้าและหายใจออกช้าๆ หรือการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ (Muscle Relaxation) เพื่อดึงสติให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน
รวมทั้งหลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียว แบ่งปันความรู้สึก ประสบการณ์ หรือความกังวลกับสมาชิกในครอบครัว เพื่อน หรือคนใกล้ชิดที่ไว้วางใจ ซึ่งการพูดคุย จะช่วยลดความเครียดและความรู้สึกโดดเดี่ยวได้
ขณะที่ผลกระทบกับ “คนที่เสพข่าว” โดยเฉพาะการเสพข่าวที่หดหู่มากเกินไป เช่น ภาพผู้คนที่กำลังหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ภาพผู้เสียชีวิต หรือถูกทอดทิ้งโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือ จะส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตใจเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลกระทบ อาทิ นอนไม่หลับ / ตื่นกลางดึก เครียด วิตกกังวล ฝันร้าย สมองทำงานตลอดเวลา หยุดคิดไม่ได้ เหนื่อยล้า ไม่มีสมาธิระหว่างวัน ใจสั่น แน่นหน้าอก ถ้าปล่อยไว้ อาจส่งผลต่อการเกิดโรคบางอย่างได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรควิตกกังวลและโรคซึมเศร้า
“น้ำท่วม” ถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง และรุนแรงต่อทุกมิติในชีวิตของผู้คนที่เกี่ยวข้อง
แม้สถานการณ์จะตึงเครียด แต่เราต้องควบคุมสติและอารมณ์ รวมทั้งสร้างพลังบวกให้ตัวเองและคนรอบข้าง แต่ทั้งนี้หากไม่สามารถบริหารจัดการอารมณ์ได้ ควรขอรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ หรือบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อรับการดูแลที่เหมาะสม เพื่อให้เราทุกคน ผ่านพ้นเหตุการณ์เลวร้ายนี้ไปด้วยกัน








