นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานประชุมแผนฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางมาติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยได้นำคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาด้วย การเดินทางมาครั้งนี้เป็นการเดินทางมาครั้งที่ 4 ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งทุกครั้งที่กลับไปได้เร่งหาวิธีการแก้ไขปัญหา เยียวยาสถานการณ์ และเร่งดำเนินการทำให้ประชาชนที่ประสบภัยได้กลับบ้านโดยเร็วที่สุด ช่วงนี้ต้องถือเป็นช่วงฟื้นฟู การเชิญทุกคนมาเพื่อให้ได้เห็นสภาพที่เกิดขึ้นจริง เพื่อจะได้คิดหาวิธีการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อนำไปสู่การฟื้นฟู โดยเฉพาะการเร่งมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อเร่งฟื้นฟูให้คืนสภาพจังหวัดสงขลากลับมาเป็นปกติ โดยหน้าที่ของรัฐต้องให้การดูแลเยียวยาประชาชน ทั้งนี้ในเรื่องของการเร่งฟื้นฟูสภาพเมืองสงขลา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลานั้น ได้เร่งบูรณาการทุกภาคส่วน ทั้ง ทหาร ตำรวจ พลเรือน ฝ่ายปกครอง ให้ระดมทรัพยากรทั้งหมดลงมาเร่งฟื้นฟู เพื่อให้อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลากลับสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด รวมทั้งในส่วนของประชาชน รัฐบาลได้เตรียมการเยียวยา ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบอนุมัติวงเงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัยแล้วครัวเรือนละ 9,000 บาท โดยจังหวัดสงขลาได้เร่งสำรวจทะเบียนผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาซึ่งมีประมาณ 500,000 กว่าราย และส่วนที่เร่งสำรวจเสร็จแล้วก็จะให้โอนเงินเยียวยาให้ประชาชนก่อน โดยขณะนี้พร้อมโอนในล็อตแรกให้กว่า 120,000 ครัวเรือน ภายในสัปดาห์นี้
ครั้งนี้ สิ่งที่ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและฝ่ายปกครองเร่งดำเนินการโดยเร็วด้วยคือ บ้านเช่า เพราะไม่ใช่เจ้าของ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารการเช่า โดยให้ผู้เช่านำหลักฐานการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ มาใช้รับสิทธิ์การเยียวยาครั้งนี้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดการตกหล่น ดังนั้น เมื่อเป็นผู้เช่าก็จะได้รับด้วยภายใต้กฎระเบียบของ ปภ. เมื่อประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน และ ปภ. ได้ประกาศเป็นระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เจ้าของบ้านก็จะได้รับค่าซ่อมบ้าน วงเงินครัวเรือนละประมาณ 49,000 บาท โดยได้จัดเตรียมงบไว้ทั้งหมดแล้ว ขณะที่มาตรการเยียวยาทางการเงิน เช่น การให้กู้สินเชื่อต่างๆ ที่มีดอกเบี้ย แต่ละครัวเรือนมีภาระต่างกันก็จะให้ตามศักยภาพ ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ เร่งจัดมหกรรมต่างๆ ให้ครบทุกมุมเมือง เพื่อระดมนำสินค้าในราคาทุนมาจำหน่ายให้กับประชาชน ซึ่งเบื้องต้นทราบว่ามีผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ให้การสนับสนุนนำสินค้ามาขายราคาทุนอีกด้วย
มาตรการเหล่านี้ถือเป็นมาตรการการฟื้นฟูเบื้องต้น ซึ่งคาดว่าภายในช่วงเวลา 1 เดือนทุกอย่างน่าจะกลับคืนสู่สภาพที่เป็นปกติมากที่สุด อย่างไรก็ดีมีแผนที่จะให้การช่วยเหลือเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ โดยทราบมาว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความประสงค์อยากกลับบ้าน จึงได้จัดโรงแรมเพื่ออำนวยความสะดวก โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวฝากหอการค้าและประธานสภาท่องเที่ยว ให้ช่วยกันอำนวยความสะดวก เป็นอีกเรื่องหนึ่งในเรื่องของการเร่งเยียวยาให้กับประชาชน เรื่องระบบการสาธารณสุข ในกรณีผู้เสียชีวิตได้สั่งการให้เร่งดำเนินการคืนให้กับครอบครัวให้เร็วที่สุด เพื่อไปประกอบกิจกรรมศาสนาต่อไป
ด้านการฟื้นฟูสภาพบ้านเมือง เมื่อน้ำหมดจะได้เห็นสภาพบ้านเมืองจริง ทั้งขยะ และกลิ่นต่างๆ สิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการคือต้องชะล้างออกไปโดยเร็วที่สุด ซึ่งได้เตรียมดำเนินการ รวมถึงเครื่องมือ เช่น รถตัก รถขุด รถยก โดยให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทยมาดำเนินการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่ามีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ประกอบธุรกิจด้านนี้ เช่น ธุรกิจเก็บของเก่า ที่สามารถเร่งระดมทุกทรัพยากรเข้ามาช่วยเหลือได้ และในด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเองมีงบ 100 ล้านบาท ขอฝากให้ช่วยกันหาแนวทางเร่งระดมช่วยเหลือ ทั้งนี้ได้อนุญาตให้ทางจังหวัดสามารถจัดจ้างผู้รับจ้างขนของออกจากตัวเมืองหาดใหญ่ได้ และเน้นย้ำไปยังนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ว่า ใน 7 วันประชาชนต้องได้กลับบ้าน และ 14 วันหาดใหญ่ต้องสะอาด
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ที่กล่าวมาเป็นกรอบที่จะสามารถดำเนินการได้ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และการประกาศยกระดับให้เป็นพื้นที่ประสบภัยระดับ 4 โดยต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายช่วยดำเนินการ ส่วนมาตรการเยียวยาต่าง ๆ ได้สั่งการกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์แล้ว พร้อมกำชับให้ดำเนินการเรื่อง
น้ำ ไฟ ให้กลับมาได้ 100% โดยเร็ว ขอให้ทุกคนได้มั่นใจ
ด้านประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา ได้รายงานข้อเสนอต่อที่ประชุม แบ่งเป็น 3 หมวด ดังนี้
หมวดที่ 1 : มาตรการเยียวยา ช่วยเหลือ และฟื้นฟู มาตรการในหมวดนี้มุ่งให้ภาคธุรกิจ ประชาชน และแรงงาน สามารถกลับมายืนได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงการเยียวยาระยะสั้น แต่เป็นแรงผลักเพื่อให้เมืองกลับมาเดินหน้าเศรษฐกิจได้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว
หมวดที่ 2 : การป้องกัน การเตือนภัย และการกู้ภัย : หมวดนี้เสนอให้มีระบบการเตรียมพร้อมและการบริหารจัดการภัยพิบัติที่เป็นระบบเพื่อไม่ให้เมืองหาดใหญ่ต้องเผชิญวิกฤตแบบเดิมอีก รวมถึงต้องสามารถอพยพคนได้จริงหากมีเหตุฉุกเฉิน
หมวดที่ 3 : มาตรการระยะยาวเพื่ออนาคตของเมืองหาดใหญ่ เมืองหาดใหญ่จำเป็นต้องได้รับการป้องกันด้วยระบบวิศวกรรมสมัยใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอีกในอนาคต
ทั้งนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบประจำอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากมีสิ่งที่ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ให้ใช้งบประมาณที่ประกาศเป็นพื้นที่ฉุกเฉินให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทุกคนมีความกดดันหมด
หากน้ำดี อาหารดี ขอให้เอาเรื่องที่ทำได้ง่ายที่สุด ทำให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้เดินทางมายังโรงพยาบาลหาดใหญ่ รับทราบแผนบริหารจัดการขยะที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ซึ่งหน่วยทหารได้เข้ามาช่วยจัดเก็บขยะจากโรงพยาบาล ทั้งนี้ การบริหารจัดการขยะในช่วงนี้ดำเนินการในช่วงกลางคืน เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรในช่วงกลางวัน พร้อมกับได้เดินดูการทำงานของรถตักขยะ รถขนขยะ พร้อมกับได้เยี่ยมให้กำลังใจทหารที่มาปฏิบัติหน้าที่ที่โรงพยาบาล รวมถึงแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลด้วย จากนั้นได้แวะเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจประชาชน พร้อมแจกน้ำ และถุงยังชีพให้แก่ประชาชนบริเวณโดยรอบวงเวียนน้ำพุ
นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ครั้งที่ 5/2568 ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการและโฆษกศูนย์ และนางสาวรัชดา ธนาดิเรก กรรมการและโฆษกศูนย์ เข้าร่วมประชุม
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า พลเอก ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร ผู้แทน ศป.กฉ.ส่วนหน้า ได้รายงานการฟื้นฟูและช่วยเหลือประชาชนหลังภัยพิบัติ ว่า ขณะนี้ส่วนหน้าได้ปรับภารกิจจากการกู้ภัยเป็น “การฟื้นฟูและช่วยเหลือประชาชน” โดยภายใน 48 ชั่วโมงย้อนหลังได้นำระบบ Jitasa.care มาช่วยเสริมในการตรวจสอบ (double check) พบว่าได้ช่วยเหลือประชาชนไปแล้วกว่า 1.8 หมื่นราย แม้ว่าน้ำลดลงแล้ว ยังมีการแจกอาหารน้ำดื่มอย่างต่อเนื่อง ด้านการแก้ไขระบบสาธารณูปโภค ได้ประสานและติดตามความคืบหน้ากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทุกระบบกลับมาใช้การได้ภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ นายภราดร ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพิ่มจุดพักขยะใน 4 โซนที่ได้แบ่งไว้ และให้ดำเนินการขนย้ายขยะในตอนกลางคืน เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรในช่วงกลางวัน ประเด็นการย้ายรถยนต์ในพื้นที่น้ำท่วมนั้น ตำรวจในพื้นที่ได้รับมอบหมายจาก ศป.กฉ.ส่วนหน้า ทำภารกิจย้ายรถที่กีดขวาง ปัจจุบันมีพื้นที่รองรับการขนย้ายแล้ว และจะขยายพื้นที่ให้มากขึ้น สำหรับการส่งศพคืนญาตินั้น ได้ดำเนินการประสานกับคณะแพทย์ยืนยันว่ามีความพร้อม
ส่วนกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้ระดมช่างฝีมือในเครือข่ายลงพื้นที่ไปให้บริการซ่อมแซม รถจักรยานยนต์ เครื่องมือ เครื่องยนต์เล็กการเกษตร ซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า และตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งในจังหวัดสงขลาจะมีจุดให้บริการอยู่ 5 จุด คือ 1.วัดเกาะเสือ 2. บริษัทสยามแบตเตอรี่ หาดใหญ่ 3. โรงเรียนแสงทองวิทยา4.โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา และ 5. เทศบาลเมืองหาดใหญ่ นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาลงพื้นที่ให้บริการซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ
ส่วนเรื่องการจ่ายน้ำประปาในพื้นที่หาดใหญ่ ล่าสุดการประปาส่วนภูมิภาคได้ดำเนินการแล้วประมาณ 60% ของพื้นที่ ครอบคลุมโรงพยาบาลหาดใหญ่ รวมทั้งบริเวณตลาดกิมหยง และจะเพิ่มการจ่ายน้ำประปาไปยังพื้นที่อื่น ๆ เช่น สนามบิน และพื้นที่รอบข้าง ส่วนเมืองสงขลาจะจ่ายน้ำประปาไปที่สถานีโคกสูงภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน โดยจะเร่งซ่อมแซมสถานีสูบน้ำให้ครบทั้งหมด คาดว่าจะสามารถจ่ายน้ำได้ครบทั้งหาดใหญ่และสงขลาในอีก 2 – 5 วันข้างหน้า
ทั้งนี้ จำนวนผู้ขอรับความช่วยเหลือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่ามีแนวโน้มลดลงอย่างมาก และเรื่องที่ร้องขอส่วนใหญ่เป็นเรื่องการสนับสนุนการเก็บกวาด ทำความสะอาดพื้นที่และสิ่งของที่ได้รับผลกระทบ ซึ่ง ปภ. ได้ระดมทรัพยากรและกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และเตรียมนำแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เข้ามาใช้ยืนยันข้อมูลของผู้ประสบอุทกภัย เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่วนการจ่ายเงินเยียวยานั้น กรมการปกครองจะเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
สำหรับความคืบหน้าการจ่ายกระแสไฟฟ้าคืนให้กับประชาชนพบว่า สามารถจ่ายไฟได้แล้ว 85 – 86% และเหลือผู้ใช้ไฟประมาณกว่า 23,500 รายที่อยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการ โดยพื้นที่สำคัญๆ อย่างโซนธุรกิจ ได้มีการฟื้นฟูระบบไฟฟ้าเกือบสมบูรณ์ 100% แล้ว ทั้งนี้ ภายใน 1 – 2 วันข้างหน้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กปภ.) จะพยายามจ่ายไฟคืนให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้บางพื้นที่ที่ยังไม่สามารถจ่ายไฟได้นั้น เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ซึ่งจำเป็นต้องตรวจสอบและแก้ไขให้ปลอดภัยก่อนจ่ายกระแสไฟฟ้ากลับเข้าสู่ระบบ ล่าสุดการไฟฟ้านครหลวง จะเข้าร่วมฟื้นฟูระบบไฟฟ้าร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด้วย ด้าน กสทช. รายงานว่า ในพื้นที่ที่ยังไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ได้ใช้ระบบดาวเทียมเข้าไปสนับสนุนเพื่อให้ประชาชนสามารถสื่อสารและติดต่อกันได้ หาก กฟภ. สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ครบทั้ง 8 จุด ระบบสื่อสารจะสามารถกลับมาครอบคลุมได้เต็ม 100% ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ส่วนมาตรการลดค่าบริการนั้น อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อให้โอเปอเรเตอร์ต่าง ๆ นำไปปฏิบัติ นอกจากนี้ จะปรับปรุงและวางโครงข่ายเสาสัญญาณใหม่ ในบางพื้นที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและรองรับสถานการณ์ในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น








