ครม. เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยในประเทศ รับเงินสนับสนุน 15% ของค่าใช้จ่ายการผลิต ตั้งแต่ 15 ล้านบาทขึ้นไป ได้ฉายต่างประเทศ – แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ยื่นขอเพิ่ม 5%

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยในประเทศ
โดยมอบหมายกระทรวงวัฒนธรรม กำหนดหลักเกณฑ์ สิทธิประโยชน์ วิธีการ และเงื่อนไขการดำเนินงานตามกรอบ
ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ โดยหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่ กระทรวงวัฒนธรรม เสนอ

สืบเนื่องจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์และสาระบันเทิงรูปแบบอื่น (Content) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างสูง ภายใต้นโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้นการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมต่างๆ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ได้รับการยกระดับเป็นอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เรือธง (Flagship) ประกอบกับศักยภาพในการผลิตภาพยนตร์ของผู้ประกอบการไทยทำให้ตลาดภาพยนตร์ไทยกลับมาเป็นกระแสนิยม โดยในปี 2567 ภาพยนตร์ไทยมีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศนำหน้าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูดของสหรัฐอเมริกา โดยภาพยนตร์ไทยมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 54 ของส่วนแบ่งการตลาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึง ศักยภาพในการแข่งขันของภาพยนตร์ไทยกับภาพยนตร์ต่างชาติ นอกจากนี้ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ยังเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ ก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจหลายระดับ โดยในปี 2566 อุตสาหกรรมภาพยนตร์มีการจ้างงานรวมกว่า 45,035 ตำแหน่ง

โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ โดยสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) ได้จัดทำข้อเสนอแนะ กลไก กระบวนการ และแนวทางการพิจารณาสิทธิประโยชน์เพื่อสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ไทยแล้ว และคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้มีมติในการประชุม เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม ขับเคลื่อนมาตรการเงินคืนตามแนวทางที่สำนักงาน ป.ย.ป. นำเสนอต่อไป ทั้งนี้สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดทำมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยในประเทศ และได้รับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมภาพยนตร์แล้ว จึงได้นำเสนอต่อคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติพิจารณาโดยในการประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งมีนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบในหลักการร่างมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยในประเทศและมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทั้งนี้มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยในประเทศ มุ่งส่งเสริมการผลิต ยกระดับมาตรฐาน คุณภาพ และความหลากหลาย ของภาพยนตร์ไทย ส่งเสริมศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย และยังเป็นการส่งเสริมการส่งออกทุนทางวัฒนธรรมผ่านสื่อบันเทิง โดยเฉพาะภาพยนตร์ไทย

สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ ประกอบด้วย

1. นิติบุคคลหรือผู้ถือหุ้นมากกว่ากึ่งหนึ่งจะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย และกรรมการหรือผู้มีอำนาจจัดการแทนนิติบุคคลไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งจะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย

2. นิติบุคคลเปิดกิจการมาไม่น้อยกว่า 2 ปี โดยจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง มีหลักฐานการยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลภาษีมูลค่าเพิ่ม และงบการเงินที่รับรองโดยผู้สอบบัญชีอนุญาต

3. นิติบุคคลผู้ยื่นคำขอต้องเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ซึ่งมีสัญชาติไทยหรือเป็นผู้ได้รับสิทธิใช้ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์จากเจ้าของลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นบุคคลสัญชาติไทยโดยชอบด้วยกฎหมาย

4. เป็นนิติบุคคลที่ประกอบกิจการด้านภาพยนตร์ หรือกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โดยมีวัตถุประสงค์ระบุไว้ในหนังสือรับรองการจดทะเบียนของบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

5. นิติบุคคลมีสำนักงานหลักหรือสถานประกอบการตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยเป็นสถานที่ประกอบกิจการหรือสถานที่ประสานงานที่สามารถติดต่อได้

6. นิติบุคคลเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ที่มีการจ่ายเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการผลิตภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยต่อเรื่องตั้งแต่ 15 ล้านบาทขึ้นไป

ส่วนสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ แบ่งเป็น

– สิทธิประโยชน์หลัก : ได้รับเงินสนับสนุน ร้อยละ 15 ของค่าใช้จ่ายในการผลิตต่อเรื่อง ที่มีวงเงินตั้งแต่ 15 ล้านบาทขึ้นไป

สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม :

          (1) กรณีภาพยนตร์มีการนำเสนอเรื่องราวหรือเนื้อหาที่สร้างสรรค์ในประเด็นตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณามาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยในประเทศกำหนดสามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ร้อยละ 5

          (2) กรณีภาพยนตร์มีค่าใช้จ่ายในการผลิตต่อเรื่องตั้งแต่ 40 ล้านบาทขึ้นไป แต่ไม่ถึง 50 ล้านบาท สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ร้อยละ 2.5 หรือมีค่าใช้จ่ายในการผลิตต่อเรื่องตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ร้อยละ 5

          (3) กรณีภาพยนตร์ได้ฉายในโรงภาพยนตร์ต่างประเทศหรือฉายในช่องโทรทัศน์ต่างประเทศไม่น้อยกว่า 4 ประเทศ หรือฉายในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง 1 แพลตฟอร์ม โดยแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต้องมีการฉายในต่างประเทศ ไม่น้อยกว่า
4 ประเทศ โดยอย่างน้อยหนึ่งประเทศ ต้องอยู่นอกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ร้อยละ 5

ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาคำนวณเงินสนับสนุนได้ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายก่อนการผลิต ค่าใช้จ่ายในการผลิต และค่าใช้จ่ายหลังการผลิต โดยไม่นับรวมถึงค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ และการทำการตลาด และภาพยนตร์ที่จะขอรับสิทธิประโยชน์ได้ ประกอบด้วย ภาพยนตร์ไทย ละคร และซีรีส์ไทย และมิวสิกวิดีโอไทย

ขั้นตอนการดำเนินการยื่นความประสงค์เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุน

(1) ผู้มีสิทธิยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด รอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม ของทุกปี และรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายนของทุกปี

(2) คณะกรรมการพิจารณาเงินสนับสนุนสำหรับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยในประเทศพิจารณาอนุมัติเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนภายใน 60 วัน นับแต่วันยื่นคำขอและมีคุณสมบัติครบถ้วน

(3)  ผู้มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนต้องดำเนินการผลิตภาพยนตร์ให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี นับแต่ได้รับอนุมัติ
ให้เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุน

ขั้นตอนการดำเนินการขอรับเงินสนับสนุนตามมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยในประเทศ

(1) เมื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนดำเนินการผลิตภาพยนตร์เสร็จสิ้นจะต้องยื่นเอกสารหลักฐานในการขอเงินสนับสนุนต่อคณะกรรมการพิจารณาเงินสนับสนุนสำหรับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยในประเทศ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ผลิตภาพยนตร์เสร็จสิ้นตามระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ภาพยนตร์ที่จะขอรับสิทธิประโยชน์ได้ต้องผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ หรือเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงวัฒนธรรมกำหนด

(2) ผู้ตรวจสอบบัญชีตรวจสอบเอกสารหลักฐานภายใน 90 วัน นับถัดจากวันที่ได้รับเอกสาร

(3) คณะกรรมการพิจารณาเงินสนับสนุนสำหรับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยในประเทศพิจารณาเอกสารที่ผ่านการตรวจสอบของผู้ตรวจสอบบัญชีทั้งหมดเพื่ออนุมัติการคืนเงินตามมาตรการฯ ภายใน 60 วัน นับจากวันที่ได้รับเอกสาร

(4) ดำเนินการคืนเงินให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุน

(5) ผู้มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนที่ประสงค์ขอรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมต้องยื่นหลักฐานภายใน 3 ปี นับแต่วันได้รับอนุมัติเงินสนับสนุน การดำเนินมาตรการดังกล่าวจำเป็นต้องมีการเตรียมการด้านต่างๆ เช่น การจัดทำประกาศหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของมาตรการฯ การเตรียมการเปิดรับลงทะเบียนการประชาสัมพันธ์ รายละเอียดมาตรการผ่านช่องทางต่างๆ เป็นต้น เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมกำหนดจะออกประกาศหลักเกณฑ์ฯ ภายในปี 2568 เพื่อให้สอดคล้องกับการวางแผนการผลิตในปีถัดไปของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ไทยในประเทศ จัดทำขึ้นเพื่อช่วยรักษาระดับการลงทุนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และคอนเทนต์ไทย และคงปริมาณการผลิตภาพยนตร์และการจ้างงานในอุตสาหกรรม การกระตุ้นให้เกิดการผลิตผ่านการให้เงินสนับสนุนจะทำให้ภาพยนตร์ไทยได้รับการยกระดับการผลิตให้มีคุณภาพสูงขึ้น มีจำนวนภาพยนตร์ไทย ที่มีทุนสร้างสูงในระดับสากลมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ภาพยนตร์ไทยสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการดำเนินมาตรการฯ จะทำให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 4,600 ล้านบาท ต่อปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง