ปภ. เร่งจ่ายเงินเยียวยาอุทกภัยใต้ น้ำ-ไฟ ให้บริการครบทุกพื้นที่ เตรียมเสนอยกเว้นค่าน้ำ–ค่าไฟ 3 เดือน ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 แบบเหมาจ่ายในอัตราครัวเรือนละ 9,000 บาท ใน 4 รูปแบบ ดังนี้ 1) ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย 2) ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังเกิน 7 วันขึ้นไป 3) ที่อยู่อาศัยประจำที่ถูกน้ำล้อมรอบจนส่งผลกระทบทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติติดต่อกันเกิน 7 วันขึ้นไป และ 4) ที่อยู่อาศัยประจำในอาคารสูงที่น้ำท่วมไม่ถึงชั้นที่ผู้ประสบภัยพักอาศัย แต่ส่งผลกระทบให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติติดต่อกันเกิน 7 วันขึ้นไป โดย ปภ. และ ธนาคารออมสิน โอนเงินให้แก่ผู้ประสบภัยที่ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว รวม 70,044 ครัวเรือน แยกเป็นพื้นที่ภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ปัตตานี สงขลา ยะลา รวม 66,187 ครัวเรือน แบ่งเป็น สุราษฎร์ธานี 1,997 ครัวเรือน ปัตตานี 16,953 ครัวเรือน สงขลา 46,976 ครัวเรือน (หาดใหญ่ 5,178 ครัวเรือน) และยะลา 261 ครัวเรือน รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 595,683,000 บาท และพื้นที่ภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี จำนวน 3,857 ครัวเรือน วงเงินทั้งสิ้น 34,713,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน

อีกทั้ง วันที่ 1 – 2 ธ.ค. 68 ปภ. และธนาคารออมสิน ได้โอนเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สงขลา นราธิวาส ปัตตานี และ สตูล รวม 120,949 ครัวเรือน โดยที่ จ.สงขลา 71,343 ครัวเรือน (เฉพาะ อ.หาดใหญ่ 1,365 ครัวเรือน) นราธิวาส 7,098 ครัวเรือน ปัตตานี 14,642 ครัวเรือน และ สตูล 26,501 ครัวเรือน รวม 1,088,541,000 บาท โอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 3,088 ครัวเรือน เนื่องจากยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์และบัญชีไม่เคลื่อนไหว จึงขอให้ประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน ติดต่อธนาคารใดก็ได้ เพื่อผูกบัญชีโดยเร็ว เพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด และประชาชนสามารถตรวจสอบสถานะรับเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยช่วงฤดูฝน ปี 2568 ผ่านช่องทาง https://flood68.disaster.go.th/ Dashboard/BoardHelpRegister โดยระบุหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนในการตรวจสอบ

เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดสงขลา ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างมหาศาล จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็ว คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ให้แล้วเสร็จครบถ้วนโดยเร็ว โดยไม่ต้องผ่านการประชาคมหมู่บ้านของแต่ละพื้นที่ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะคราว

ส่วนการเร่งคืนสาธารณูปโภคเพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติ นายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เปิดเผยว่า กปภ. สามารถฟื้นฟูระบบประปาที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสงขลา ในส่วนที่จำเป็นเร่งด่วนได้สำเร็จ ด้วยการระดมทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ กปภ. ทั่วประเทศ พร้อมอุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องจักร ทำให้ปัจจุบันสามารถผลิตและส่งจ่ายน้ำประปาให้บริการประชาชนได้แล้ว 100% ในพื้นที่ กปภ.สาขาหาดใหญ่ (อ.หาดใหญ่ อ.คลองหอยโข่ง อ.นาหม่อม และ อ.บางกล่ำ) และ กปภ.สาขาสงขลา (อ.เมืองสงขลา อ.สิงหนคร และ อ.จะนะ) อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปกรณ์ประปาที่เสียหาย รวมทั้งท่อประปาแตก-รั่วจำนวนมาก กปภ. จะเร่งซ่อมแซมเพื่อให้บริการประชาชนอย่างเต็มประสิทธิภาพตามปกติโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังได้จัดส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้บริการตรวจสอบมาตรวัดน้ำ ซ่อมแซมระบบประปาในบ้านเพื่อดูแลประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ส่วนมาตรการเยียวยาประชาชน ได้เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณามาตรการยกเว้นเก็บค่าน้ำประปาเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งที่ผ่านมาได้บูรณาการทำงานร่วมกับหลายหน่วยงาน ติดตั้งระบบผลิตและจ่ายน้ำประปาชั่วคราวเปิดจุดบริการน้ำดื่ม จัดรถบรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำรวม 43 คัน โดยได้จ่ายน้ำประปาแล้วมากกว่า 2 ล้านลิตร และน้ำดื่มตราสัญลักษณ์ กปภ. มากกว่า 1.4 แสนขวด ให้แก่โรงพยาบาล ศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย หน่วยงานและประชาชนอย่างต่อเนื่อง

ด้านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รายงานว่า ปัจจุบันสามารถจ่ายไฟฟ้าให้สถานที่ราชการสำคัญและโรงพยาบาลได้ครบ 100% ส่วนการแก้ไขและฟื้นฟูระบบไฟฟ้าในพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ มีผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด 55,151 ราย มีไฟฟ้าใช้แล้ว 49,717 ราย ยังไม่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ 5,434 ราย เนื่องจากจ่ายไฟเข้าบ้านไม่ได้หรือบ้านไม่พร้อมรับไฟ กฟภ. ได้แก้ไขปัญหาด้วยการติดตั้งชุด Power Kit (แผงเมนสวิตช์) ชั่วคราวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้มีไฟฟ้าใช้เบื้องต้นก่อน สำหรับบ้านที่ กฟภ. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายนอกเรียบร้อยแล้วและพร้อมจะทำการจ่ายไฟฟ้าในบ้านแต่เนื่องจากไม่พบผู้พักอาศัยภายในบ้าน กฟภ. ได้ทำใบปลิวติดไว้หน้าบ้านเพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งผู้ใช้ไฟฟ้าให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ กฟภ. เพื่อดำเนินการจ่ายไฟ โดยให้ติดต่อที่เบอร์ 06-1292-6540, 06-1129-5250 และ 1129 PEA Contact Center

ส่วนกรณีบิลค่าน้ำและค่าไฟ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ได้กำชับหน่วยงานว่า ยังไม่ต้องดำเนินการส่งบิลไปถึงประชาชนในช่วงนี้ โดยจะเตรียมนำเรื่อง “การยกเว้นค่าน้ำ–ค่าไฟ” เป็นเวลา 3 เดือน (3 รอบบิล พฤศจิกายน – ธันวาคม 2568 และมกราคม 2569) ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ส่วนพื้นที่อื่นๆ จะมีข้อเสนอให้งดเว้นการจัดเก็บเป็นเวลา 2 รอบบิล ซึ่งจะพิจารณาตามความรุนแรงของสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่

อีกทั้ง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เปิดเผยถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือและเฝ้าระวังในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ โดยระบุว่า แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะเริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ยังมีบางพื้นที่ที่ยังคงได้รับผลกระทบและต้องเร่งฟื้นฟู โดยสำนักงานพลังงานจังหวัดสงขลาได้ตั้งศูนย์อำนวยการด้านพลังงานเพื่อช่วยเหลือเหตุอุทกภัยในจังหวัดสงขลา เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานเพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจไม่ให้กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันไม่ให้มีการปนเปื้อนจากน้ำท่วมเพื่อเปิดให้บริการประชาชนโดยเร็ว พร้อมบริหารจัดการติดตามการขนส่งน้ำมันและก๊าซหุงต้ม (LPG) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำคัญที่ครัวเรือนต้องใช้ในการประกอบอาหารและดำรงชีพ โดยสถานีบริการน้ำมันทั้ง 9 จังหวัด สามารถเปิดให้บริการได้ 79% หรือ 414 แห่งจากทั้งหมด 521 แห่ง ส่วนที่เหลือจะเร่งฟื้นฟูและเร่งเปิดให้บริการซึ่งคาดว่าจะกลับมาให้บริการได้ 100% ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ ส่วนโรงบรรจุก๊าซ LPG สามารถเปิดให้บริการได้ 97% หรือ 96 แห่งจากทั้งหมด 99 แห่ง คาดว่าจะกลับมาให้บริการได้ 100% ภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนในด้านไฟฟ้า แม้ว่าโรงไฟฟ้าจะนะจำเป็นต้องหยุดเดินเครื่องชั่วคราว ได้สั่งการให้โรงไฟฟ้าใกล้เคียง เช่น โรงไฟฟ้าขนอม โรงไฟฟ้ากระบี่ เดินเครื่องเต็มศักยภาพ เพื่อรับมือความต้องการใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะในช่วงที่ประชาชนฟื้นฟูบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ส่วนในด้านการฟื้นฟู กฟผ. ได้ประสานงานกับมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา ฟื้นฟูระบบไฟฟ้าแก่อาคารและบ้านเรือนประชาชน โดยจะดำเนินการในระหว่างวันที่ 5 – 9 ธันวาคม 2568 อีกทั้ง ปตท. ได้เปิดให้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองในสถานีบริการ 5 แห่งในจังหวัดสงขลา สำหรับรถยนต์ 500 คันและรถจักรยานยนต์ 2,500 คัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสงขลาและหลายพื้นที่ในภาคใต้ ว่า ได้มอบหมายให้กรมทางหลวงชนบทลงพื้นที่ฟื้นฟูเส้นทางที่ได้รับผลกระทบเร่งเปิดเส้นทางที่สามารถใช้งานได้ก่อน ติดตั้งป้ายเตือนในทุกจุดเสี่ยง และบูรณาการการทำงานร่วมกับจังหวัด ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างเร่งด่วนและครอบคลุม พร้อมสั่งให้ทุกหน่วยติดตามระดับน้ำและสภาพถนนในพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำว่าการช่วยเหลือประชาชนต้องดำเนินควบคู่ทั้งการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานและการส่งต่อความช่วยเหลือด้านสิ่งของจำเป็น อาทิ ถุงยังชีพและน้ำดื่ม เพื่อประคับประคองชีวิตประชาชนในช่วงวิกฤต โดยได้จัดทีมสำรวจโครงสร้างสะพานและถนนทุกสายที่ได้รับผลกระทบ พร้อมนำเครื่องมือ เครื่องจักร และวัสดุอุปกรณ์เข้าซ่อมแซมในเบื้องต้นเพื่อให้สามารถเปิดเส้นทางให้ประชาชนสัญจรผ่านได้โดยเร็วที่สุด ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายบอกระดับน้ำ และปักเสาขาว–แดงตลอดแนวเขตทางในทุกจุดเสี่ยง เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับทราบสถานการณ์แบบชัดเจนและปลอดภัยที่สุด

สำหรับสถานการณ์ล่าสุด (3 ธ.ค.68) พบว่ามีโครงข่ายทางหลวงชนบทใน 8 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี พัทลุง สงขลา นครศรีธรรมราช นราธิวาส ยะลา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ได้รับผลกระทบรวม 38 สายทาง แบ่งเป็น สัญจรผ่านได้ 30 สายทาง และไม่สามารถสัญจรผ่านได้อีก 8 สายทาง โดยกรมทางหลวงชนบทจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเร่งเปิดเส้นทางที่ยังปิดให้กลับมาใช้งานได้โดยเร็ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง