วราวุธเตือนเยาวชนตระหนักวิกฤตโลกร้อน ชี้น้ำท่วมหาดใหญ่ปีนี้เกิดซ้ำรอยใหญ่ในรอบ 25 ปี ย้ำมนุษย์ต้องเร่งปรับตัวให้อยู่กับธรรมชาติที่แปรปรวนรุนแรงขึ้นทุกวัน

นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บรรยายพิเศษเรื่อง “การอนุรักษ์และรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” ให้แก่นักศึกษาในโครงการสัมมนาด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติของคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสรชัด สุจิตต์ ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา และนายวรัตน์ มาประณีต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมรับฟัง

ระหว่างการบรรยาย นายวราวุธกล่าวถึงสถานการณ์สภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยอ้างอิงกรณีน้ำท่วมใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งปี 2568 เกิดเหตุการณ์รุนแรงใกล้เคียงกับเหตุอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์เมื่อปี 2543 ที่ระดับน้ำสูงถึง 2–3 เมตร ท่วมหลังคาบ้านและสร้างความเสียหายวงกว้าง พร้อมชี้ยังมีหลายพื้นที่ทั่วประเทศประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน ทั้งภาคใต้และภาคเหนือโดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายที่เจอฟลัดและโคลนถล่มซ้ำซาก

ภูมิอากาศโลกกำลังเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่เราเคยประเมิน โดยปรากฏการณ์ลานีญากำลังทำให้ไทยเผชิญสภาวะหนาวและฝนมาก ขณะที่อีก 2–3 ปีข้างหน้าจะเปลี่ยนเป็นเอลนีโญที่คาดว่าจะรุนแรง ส่งผลให้อุณหภูมิในหลายพื้นที่อาจใกล้แตะ 50 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะจังหวัดสุพรรณบุรีซึ่งเคยประสบภาวะแห้งแล้งอย่างหนักและปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำกระเสียวลดลงจนกระทบระบบประปา ก่อนกลับมามีน้ำล้นต้องระบายในช่วงปลายปีเดียวกัน

สาเหตุหลักของความแปรปรวนนี้มาจากก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ถึงแม้จะรณรงค์ให้ใช้รถอีวีหรือไฮบริดเพื่อลดการปล่อย แต่ตราบใดที่มนุษย์ยังดำรงอยู่ ปัญหานี้ย่อมไม่หมดไป จึงจำเป็นต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียวและฟื้นฟูป่าไม้ ซึ่งวันนี้กลับลดลงอย่างต่อเนื่องจากการบุกรุกทำลายป่า ส่งผลให้พื้นที่สูงขาดต้นไม้ช่วยยึดหน้าดินและดูดซับน้ำ กระทบต่อชุมชนโดยตรง

นายวราวุธกล่าวว่า ชาวสุพรรณบุรีมีตัวอย่างการอยู่ร่วมกับธรรมชาติผ่านภูมิปัญญาดั้งเดิม เช่น การปลูกบ้านยกสูงและมีเรือสำรองใต้ถุนบ้าน แต่ในยุคที่สภาพอากาศผันผวนมากขึ้น จำเป็นที่ทุกคน โดยเฉพาะเยาวชน จะต้องปรับตัว ลุกขึ้นเรียนรู้ และรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อมก่อนที่ธรรมชาติจะ “ปรับสมดุล” ด้วยวิธีที่รุนแรงกว่าเดิม ซึ่งสร้างความเสียหายและใช้งบประมาณมหาศาล

หวังให้ผู้เข้าร่วมสัมมนานำองค์ความรู้ไปถ่ายทอดต่อ ช่วยให้สังคมเตรียมรับมือภัยพิบัติที่ถี่และรุนแรงขึ้น และร่วมกันฟื้นฟูโลกใบนี้อย่างยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง