คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) นำโดย นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ได้เข้าพบหารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อร่วมกันผลักดันมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ เปิดเผยว่า บีโอไอเตรียมให้เงินสนับสนุนผ่าน “กองทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ” เพื่อช่วยผู้ประกอบการไทยทั้งรายใหญ่และ SMEs ในการปรับปรุงประสิทธิภาพธุรกิจ ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ การวิจัยและพัฒนา (R&D) ตลอดจนการปรับเปลี่ยนสู่ระบบอุตสาหกรรมสีเขียว โดยเป็นครั้งแรกที่บีโอไอจับมือ กกร. เพื่อบูรณาการมาตรการทางการเงินร่วมกับสถาบันการเงิน
สำหรับ “มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน” จะให้เงินสนับสนุนแก่นิติบุคคลที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ เกษตร อาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยกำหนดเงื่อนไขเงินลงทุนขั้นต่ำ 50 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการทั่วไป และ 20 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ขึ้นทะเบียนในโครงการ SME ONE ID ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
ทั้งนี้ หากเป็นโครงการวิจัยและพัฒนา จะได้รับเงินสนับสนุนร้อยละ 50 ของเงินลงทุนจริง ส่วนการปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ ดิจิทัล หรือการเปลี่ยนไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียว จะได้รับเงินสนับสนุนร้อยละ 30 และหากมีการใช้เครื่องจักรที่ผลิตในประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 จะได้รับอัตราสนับสนุนสูงสุดร้อยละ 50 โดยกำหนดวงเงินสูงสุดรายละไม่เกิน 100 ล้านบาท พร้อมเงื่อนไขต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม 2569 และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือนนับจากวันออกบัตรส่งเสริม
นายนฤตม์ กล่าวว่า เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องของผู้ประกอบการ ซึ่งจะต้องลงทุนก่อนและรับเงินสนับสนุนภายหลัง บีโอไอได้ร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทยพัฒนาสินเชื่อระยะสั้น (Bridging Loan) พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับใช้ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ตามโครงการ นอกจากนี้ บีโอไอและ กกร. เตรียมจัดเวิร์กช็อปเพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจหลักเกณฑ์ มาตรการ และการจัดทำข้อเสนออย่างถูกต้อง
นอกจากมาตรการดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือความร่วมมือภายใต้โครงการ Reinvent Thailand เพื่อบูรณาการข้อมูลการส่งเสริมการลงทุนกับมาตรการของสถาบันการเงินและองค์กรเอกชน โดยมุ่งให้เกิดการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นระบบ เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย การเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบ PromptBiz เพื่อช่วยยืนยันการลงทุนสำหรับ SMEs การพัฒนามาตรฐานข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชน ตลอดจนการเชื่อมโยงผู้ประกอบการรายใหญ่กับซัพพลายเออร์ในประเทศ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ
