นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชุมพร เพื่อเป็นประธานในพิธีมอบสมุดประจำตัวให้แก่ประชาชนที่ได้รับการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยมี ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายนิกร ศิรโรจนานนท์ อธิบดีกรมป่าไม้ นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมในพิธี ณ หอประชุมโรงเรียนท่าแซะรัชดาภิเษก อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
ในการนี้ นายสุชาติ ได้มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อและป่าสลุย เนื้อที่กว่า 7,640 ไร่ ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เพื่อนำไปจัดสรรเป็นที่ดินทำกินให้ชุมชน พร้อมมอบสมุดประจำตัวให้กับประชาชนที่ได้รับการจัดสรรตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 รวม 1,098 ราย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 8,455 ไร่ ใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอท่าแซะ อำเภอเมืองชุมพร และอำเภอปะทิว ทำให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยและทำกินได้อย่างถูกกฎหมายและมีความมั่นคงมากขึ้น
รองนายกรัฐมนตรี สุชาติ ระบุว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้เร่งคลี่คลายปัญหาที่ดินทำกินทั่วประเทศ โดยเฉพาะกรณีพื้นที่ทับซ้อนป่าสงวนฯ กระทรวงทรัพยากรฯ จึงได้เดินหน้าดำเนินงานตามแผน Quick Win เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิ์อยู่อาศัยและทำกินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืน พร้อมมอบหมายให้ปลัดกระทรวงฯ ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ลงพื้นที่กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนและผืนป่าเกิดสมดุล
นอกจากนี้ รองนายกฯ สุชาติ ยังได้มอบกล้าไม้ให้ประชานำไปปลูกในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและฟื้นฟูป่าไม้ของประเทศ ปัจจุบันมีพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่ประชาชนถือครองทำกินกว่า 12.5 ล้านไร่ โดยกรมป่าไม้ได้จัดสรรที่ดินทำกินภายใต้ คทช. แล้วกว่า 3.9 ล้านไร่ ส่วนที่เหลืออีก 8.6 ล้านไร่ จะเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 เพื่อให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มกราคม 2569 เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย เข้าถึงสาธารณูปโภค และยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างเป็นรูปธรรม
รองนายกฯ สุชาติ กล่าวย้ำว่า การมอบสมุดประจำตัวในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ช่วยให้ประชาชนมีหลักประกันในการดำรงชีวิต ขณะเดียวกันยังเป็นกลไกสำคัญในการเสริมประสิทธิภาพการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ของรัฐ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ยืนยันเดินหน้าภารกิจ “ดูแลประชาชนควบคู่ดูแลผืนป่า” เพื่อสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศในระยะยาว








