สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จัดตั้งศูนย์พักพิงแล้ว 943 แห่ง ประชาชนอพยพกว่า 250,000 คน

พลเรือตรี สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ในการดูแลประชาชนที่ตกค้างบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาในการช่วยเหลือประชาชนให้กลับสู่มาตุภูมิทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้ นอกจากนี้ทางด้านกองทัพเรือยังคงมีการดำเนินยุทธการ “ตราดปราบปรปักษ์” ในพื้นที่จังหวัดตราดอย่างต่อเนื่องตามแผนของกองทัพเรือ พร้อมยังได้มีการตรวจพบกลุ่มผู้ต้องสงสัยซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มของหน่วย BHQ ของกัมพูชาจึงต้องมีการปฏิบัติการริบรอนขีดความสามารถในการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเพิ่มเติม และในช่วง 04.35 ของวันนี้ทางฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงด้วยอาวุธหนักใน 4 พื้นที่ ได้แก่ ช่องบก ช่องอานม้า  ตาควาย และตาเมือน ทำให้ฝ่ายไทยต้องปฏิบัติการตอบโต้เพื่อผลักดันฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่อธิปไตยของไทย  นอกจากนี้ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ยังได้มีการตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการยิงปืนใหญ่และจรวดเข้ามายังพื้นที่ของประชาชนทำให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหาย อีกทั้งในช่วงเช้าที่ผ่านมาฝ่ายไทยเตรียมความพร้อมรับคนไทยกลับเข้าประเทศ ทางบกและทางอากาศ พร้อมเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาอำนวยความสะดวกให้ประชาชนไทยที่อยู่ในกัมพูชาเดินทางกลับมายังประเทศไทยโดยสะดวก

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวต่อไปว่า ในช่วง 12.00 น.ที่ผ่านกองทัพภาค 2 ได้ผลักดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ ช่องระยี ปลดต่าง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งสถานการณ์ยังคงมีการปะทะอย่างต่อเนื่อง โดยกองทัพได้มีการยึดพื้นที่ดังกล่าวได้แล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการผลักดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่อธิบไตยของไทย

ทั้งนี้ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาได้สรุปสถานการณ์ทางการแพทย์และการสาธารณสุขจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่า ขณะนี้มีการจัดตั้งศูนย์พักพิงแล้ว 943 แห่ง มีประชาชนเข้าพักในศูนย์ฯแล้ว 258,617 คน มีประชาชนเสียชีวิตแล้ว 4 คน โดยสาเหตุมาจากโรคประจำตัว โรงพยาบาลได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แล้ว 19 แห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ได้รับผลกระทบ 180 แห่ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง