กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สนธิกำลังบุกเข้าตรวจค้นโกดังและโรงงานแปรรูปไม้ต้องสงสัย 2 แห่ง ในพื้นที่ตำบลโพธิ์ชัย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นการขยายผลการสืบสวนเครือข่ายลักลอบค้าไม้มีค่าข้ามชาติ โดยปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งเน้นการจัดการกับปัญหาการทำลายป่าไม้และการค้าไม้ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนายทุนต่างชาติที่เป็นแกนนำ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อทรัพยากรธรรมชาติของชาติ
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปราบปรามผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด โดยต้องเจาะไปถึงกลุ่มนายทุนและเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลังเพื่อตัดวงจรขบวนการค้าไม้ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า ขบวนการนี้มีการลักลอบตัดไม้มีค่าจากพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ จากนั้นใช้รถบรรทุกสิบล้อขนส่งไม้มายังโกดังเป้าหมายในจังหวัดหนองคาย เพื่อทำการแปรรูปและจัดทำเอกสารส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและจุดผ่านทางสำคัญในการลักลอบค้าไม้มีค่า
กรมอุทยานฯ จึงได้จัดตั้งคณะทำงานตรวจสอบ ตรวจยึดและดำเนินคดี กรณีกลุ่มนายทุนต่างชาติลักลอบค้าไม้มีค่าข้ามชาติ โดยมีนายชัยชาญ ศรียงค์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง เป็นหัวหน้าคณะทำงานฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ DSI วางแผนติดตามความเคลื่อนไหวการขนย้ายไม้มีค่าจากภาคเหนือโดยรถบรรทุก ติดตามรถบรรทุกไม้ดังกล่าวมาส่งไม้มีค่าที่โกดังแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดหนองคาย คณะเจ้าหน้าที่ได้ติดตามความเคลื่อนไหว จนนำไปสู่การขอหมายค้นจากศาลจังหวัดหนองคาย (เลขที่ ค193/2568 และ ค194/2568) และเข้าตรวจค้นพร้อมกันทั้ง 2 บริษัท ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณรั้วเดียวกัน
ผลการตรวจค้นบริษัทแรก พบคนไทย 2 คน ให้การว่าเป็นผู้บริหารจัดการภายใน และระบุว่าดำเนินกิจการรับซื้อแปรรูปและส่งออกไม้มาประมาณ 1 ปี และบริษัทที่ 2 พบชาวจีน 1 คน (แจ้งว่าเป็นเพียงคนขับรถโฟล์คลิฟ) ชาวเวียดนาม 2 คน และชาวลาว 8 คน โดยมีใบอนุญาตทำงานเพียง 3 คน ชายชาวจีนให้ข้อมูลว่า บริษัทแรก เป็นผู้จัดทำเอกสารและดำเนินการด้านการส่งออกให้กับบริษัทของตน
จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่พบไม้ท่อนและไม้แปรรูปจำนวนมากกองอยู่ภายในโกดังทั้งสองแห่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจนับและจัดทำรายละเอียดบัญชีของกลาง ไม้ของกลางเหล่านี้จะเป็นหลักฐานสำคัญในการดำเนินคดีกับกลุ่มขบวนการค้าไม้เถื่อนข้ามชาติในครั้งนี้
คณะทำงานฯ จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายป่าไม้ กฎหมายคนเข้าเมืองและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจะมุ่งเน้นการติดตามหาตัวผู้บริหารบริษัทและกลุ่มนายทุนที่แท้จริง ซึ่งอาจจะต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานในต่างประเทศ จะมีการสืบสวนขยายผลเพื่อหาแหล่งที่มาของไม้ และผู้ที่มีส่วนร่วมในการตัดไม้ผิดกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้กรมอุทยานฯ ขอความร่วมมือประชาชนหากพบเบาะแสการลักลอบตัดไม้หรือค้าไม้ผิดกฎหมายแจ้งได้ที่ สายด่วนกรมอุทยานฯ 1362 โดยเจ้าหน้าที่จะเก็บรักษาข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสไว้เป็นความลับ








